บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และมหาวิทยาลัยศิลปากร
ขอเชิญชวนเยาวชน นักเรียน นิสิตนักศึกษา และประชาชนทั่วไป
ร่วมส่งผลงานประกวดศิลปกรรม ปตท. ครั้งที่ 38 ประจำปี 2566
หัวข้อ “จุดประกายความหวัง จุดพลังชีวิต”
ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด จากวิกฤตโควิด 19 ในช่วงชีวิต
ที่ผ่านมาพร้อมความหวังในการขับเคลื่อนไปสู่อนาคตซึ่งเปรียบเสมือนเป็นจดหมายเหตุของประเทศในรูปแบบของงานศิลปะ ผ่านผลงานศิลปะทุกประเภท ทั้งด้านจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์
เริ่มส่งผลงานได้ตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป
*ผลงานจะต้องส่งถึงจุดรับผลงานไม่เกินวันที่ 21 มิถุนายน 2566 เท่านั้น
ดูรายละเอียดการสมัครเพิ่มเติมที่ https://www.pttplc.com/.../Highlights/Content-40709.aspx
ยิ่งเก็บ ยิ่งได้ !!
ปตท. เชิญชวนโหลดแอป
ทุกต้นที่คุณเก็บ จะถูกปลูกจริง เพื่อเพิ่มการดูดซับก๊าซเรือนกระจก
โลกได้ต้นไม้ คุณได้รางวัล ควันได้ดูดซับ!
มีแต่ได้แบบนี้โหลดเลย “คุณช่วยเก็บ เราช่วยปลูก”
เพียงแค่ 3 ขั้นตอนง่ายๆ
-โหลด
-สแกน
-เก็บ
ทุกต้นที่คุณเก็บ จะถูกปลูกจริง เพื่อเพิ่มการดูดซับก๊าซเรือนกระจก
ให้กับโลกบนพื้นที่ปลูกป่า 1 ล้านไร่ของ ปตท.
โหลดเลย : https://bit.ly/3JJpAW7
ได้ทั้ง App store และ Play store
ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลงกว่า 2 เหรียญสหรัฐฯ
ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลงกว่า 2 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ทั้งนี้ นับตั้งแต่ประเทศสมาชิกกลุ่ม OPEC และพันธมิตร (OPEC+) ประกาศอาสาลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบรวมกัน 1.66 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน พ.ค. – ธ.ค. 66
ทำให้ราคาน้ำมันดิบ ICE Brent เคลื่อนไหวในช่วงประมาณ 80 - 88 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 66 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม วันที่ 19 เม.ย. 66 ราคาเริ่มปรับตัวลดลง เนื่องจากตลาดกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve: Fed) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง และจะส่งผลให้เกิดภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
สัปดาห์นี้ คาดการณ์ราคา ICE Brent จะเคลื่อนไหวในกรอบ 80 - 88 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยได้รับแรงกดดันในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อน Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (Federal Open Market Committee: FOMC) วันที่ 2 – 3 พ.ค. 66
นอกจากนี้ ตลาดเริ่มคลายความตระหนกจากการตัดสินใจลดการผลิตของ OPEC+ รวมทั้งอุปทานจากรัสเซียและสหรัฐฯ ที่เข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
• นักวิเคราะห์ 90% คาดการณ์ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มาอยู่ที่ 5.0-5.25% ในการประชุมนโยบายการเงิน (FOMC) วันที่ 2-3 พ.ค. 66 และนักวิเคราะห์ 59% คาดว่าหลังจากนั้นจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับใหม่ไปจนถึงสิ้นปี 66 และอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจะทำให้อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 3.5% ไปอยู่ที่ 4.3% ในช่วงปลายปี 66
• EIA รายงานปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในเดือน มี.ค. 66 เพิ่มขึ้น 0.56 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 4.63 ล้านบาร์เรลต่อวัน (+1.58 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปีก่อนหน้า) ส่วนใหญ่ส่งออกไปยังจีน (0.64 ล้านบาร์เรลต่อวัน) เนเธอร์แลนด์ (0.52 ล้านบาร์เรลต่อวัน) และสหราชอาณาจักร (0.44 ล้านบาร์เรลต่อวัน)
• Bloomberg รายงานรัสเซียส่งออกน้ำมันดิบทางทะเล สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 14 เม.ย. 66 เพิ่มขึ้น 0.54 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ 3.32 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
• สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (National Bureau of Statistics) รายงานโรงกลั่นนำน้ำมันดิบเข้ากลั่น (Throughput) ในเดือน มี.ค. 66 เพิ่มขึ้น 8.8% จากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 63.9 ล้านตัน (14.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน) สูงสุดเป็นประวัติการณ์
• Ministry of Petroleum and Natural Gas ของอินเดียรายงานโรงกลั่นนำน้ำมันดิบเข้ากลั่น (Throughput) ในเดือน มี.ค. 66 เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 5.44 ล้านบาร์เรลต่อวัน
• Bank of America ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของจีนในปี 2566 อยู่ที่ +6.3% จากปีก่อนหน้า (คาดการณ์ครั้งก่อนอยู่ที่ +5.5% จากปีก่อนหน้า) จากการบริโภคและการลงทุนเพิ่มขึ้นซึ่งจะสนับสนุนความต้องการใช้น้ำมัน
ประวิทย์ สุวรรณสัญญา มุ่งมั่นพัฒนาอยุธยาให้เหมือนสุพรรณบุรี
พร้อมพัฒนาอยุธยา อ.สันติ กีระนันทน์ และ อ.กนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครนายประวิทย์ สุวรรณสัญญา พระนครศรีอยุธยา เขต 5 เบอร์ 12 รับฟังปัญหาเศรษฐกิจเมืองกรุงเก่าพร้อมชูนโยบายพรรค มุ่งมั่นพัฒนาอยุธยาให้เหมือนสุพรรณบุรี
‘วัน ออริจิ้น’ ต่อยอดแผนเติบโต Origin Infinity จับมือพันธมิตรทางธุรกิจกับ ‘เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์’ หรือ เอนโก้ (EnCo) บริษัทในกลุ่ม ปตท. ลุยพัฒนาโปรเจกต์โรงแรม ‘ฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส ระยอง’ รับกระแสนักลงทุนต่างประเทศ-นักท่องเที่ยวคัมแบ็ก พร้อมเสริมศักยภาพทำเล ผลักดันให้เป็น New CBD ของระยอง และจุดนัดพบอันทันสมัยแห่งใหม่ใน EEC คาดเปิดให้บริการในไตรมาส 2/2566 นี้
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า จากแผนการเติบโตไม่สิ้นสุด หรือ แผน Origin Infinity ที่เครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ประกาศไว้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทยังคงเร่งเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนตามแผนงานดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
โดยล่าสุด บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ในเครือ บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ได้บรรลุข้อตกลงความร่วมมือกับ บริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด (EnCo) บริษัทพัฒนาและบริหารจัดการด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรในกลุ่ม ปตท. ร่วมทุนกันใน บริษัท วันดิสทริคท์ ระยอง 2 จำกัด สัดส่วนฝั่งละ 50% เพื่อร่วมกันก่อสร้างและดำเนินโครงการโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส ระยอง (Holiday Inn Express Rayong) เป็นโรงแรมสูง 8 ชั้น จำนวนห้องพัก 204 ห้อง บริเวณแยกเนินสำลี ในพื้นที่โครงการระดับเมกะโปรเจกต์ ออริจิ้น สมาร์ท ซิตี้ ระยอง (Origin Smart City Rayong)
นายปิติ จารุกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ Origin Smart City Rayong เฟสแรกไปแล้ว
ตอนนี้ วัน ออริจิ้น จึงมาสานต่อการเนรมิตเฟสถัดไป ให้ Smart City ขนาด 24 ไร่แห่งนี้อุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ด้วยการนำเชนโรงแรมระดับโลกอย่าง Holiday Inn Express ในเครือ Intercontinental Hotels Group (IHG) มาให้บริการ พร้อมทั้งจับมือกับ EnCo เครือ ปตท. ซึ่งเป็นเครือธุรกิจขนาดใหญ่ที่ปักหลักดำเนินธุรกิจในระยองมาอย่างยาวนาน มีความเข้าใจความต้องการในพื้นที่เป็นอย่างดี มาร่วมกันเนรมิตโรงแรมแห่งนี้ให้ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งภาคธุรกิจและภาคการท่องเที่ยว และพลิกโฉมแยกเนินสำลีให้กลายเป็น New CBD ของระยอง
ที่ผ่านมา จังหวัดระยองถือเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงทั้งด้านการท่องเที่ยวและการลงทุนภาคอุตสาหกรรม และเป็นหนึ่งในจังหวัดสำคัญของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาโรงแรมแห่งใหม่ในจังหวัดระยองที่เป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงในระดับสากล จึงถือเป็นการรองรับความต้องการของนักลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งรองรับภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวจากสถานการณ์ COVID-19 และกลายเป็นจุดนัดพบสมัยใหม่แห่ง EEC คาดว่าน่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 2/2566 นี้
นายชาญศักดิ์ ชื่นชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่วิศวกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ ประธานกรรมการ บริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด (EnCo) เปิดเผยว่า ปตท. มุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนธุรกิจไปสู่การเติบโตในธุรกิจพลังงานอนาคต และธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน ตามวิสัยทัศน์ ‘Powering Life with Future Energy and Beyond’ เพื่อให้สอดรับกับแนวโน้มความเปลี่ยนแปลง และกระแสของโลกในอนาคต
การเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและการบริหารจัดการการขนส่ง หรือ Logistics ของประเทศเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายที่สำคัญ โดย ปตท. ได้เล็งเห็นโอกาสในการใช้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมเพื่อบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ ต่อยอดสินทรัพย์ของ ปตท. ที่มีอยู่ อาทิ ที่ดิน อาคาร สิ่งปลูกสร้าง ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งต่อการดำเนินธุรกิจ สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม โดยการร่วมทุนระหว่างบริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด หรือ EnCo บริษัทในกลุ่ม ปตท. กับ วัน ออริจิ้น ในเครือ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ในครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวหนึ่ง ในการต่อยอดศักยภาพทางธุรกิจ ด้านการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรของ EnCo เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตของลูกค้าเฉพาะกลุ่มได้อย่างครอบคลุม พร้อมทั้งรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต
ด้าน นายศิรศักดิ์ จันเทรมะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด (EnCo)
กล่าวว่า บริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด (EnCo) ดำเนินธุรกิจ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
1.กลุ่มธุรกิจบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ (Property Management)
2.กลุ่มธุรกิจบริหารจัดการพื้นที่ส่วนกลาง (Facility Management)
และ
3. กลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Property Development)
นอกจากนี้ EnCo ยังประกอบธุรกิจโรงแรม ภายใต้แบรนด์ THE EnCony Residential Hotel ซึ่งตั้งโครงการวังจันทร์วัลเลย์ (EECi) อ.วังจันทร์ จ.ระยอง และด้วยความมุ่งมั่นของ EnCo ที่ต้องการจะดำเนินธุรกิจด้วยบริการที่เป็นเลิศ และได้มาตรฐานในระดับสากล ผนวกกับความรู้และประสบการณ์ ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด (มหาชน) EnCo มีความมั่นใจว่าการร่วมลงทุนในครั้งนี้ จะประสบผลสำเร็จ และจะสามารถส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า เพื่อมุ่งไปสู่ความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจร่วมกันอย่างยั่งยืนต่อไปสำหรับบริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด เป็นผู้ดำเนินธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
ปัจจุบันดำเนินธุรกิจหลากหลายกลุ่ม อาทิ กลุ่มธุรกิจโรงแรม พัฒนาโครงการโรงแรมและเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ พร้อมทั้งจับมือกับแบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับโลกเข้ามาบริหาร มีโรงแรมที่เริ่มเปิดดำเนินการแล้ว อาทิ โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชา-แหลมฉบัง โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท และมีโรงแรมที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีกหลายแห่ง ทั้งในกรุงเทพ และหัวเมืองต่างๆ ในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงาน กลุ่มธุรกิจศูนย์การค้า กลุ่มอาคารมิกซ์ยูส ไปจนถึงกลุ่มธุรกิจอาหาร
เมื่อเวลา 11.35 น. วันที่ 22 เมษายน ที่ จ.นครราชสีมา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัคร ส.ส.พะเยา ในฐานะประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการเลือกตั้งในภาคเหนือ และเดินมาครึ่งทางแล้วว่า เรามียุทธศาสตร์ของเรา อยากปักหมุดทุกจังหวัด อย่างน้อยขอให้ได้ทุกจังหวัด 1-2 เขตก็ว่ากันไป
ส่วน จ.พะเยา เรามีความมั่นใจอยู่แล้วว่าจะยกจังหวัด และน่าจะได้ที่ จ.แม่ฮ่องสอน โดยในเดือน พ.ค. ตนจะลงพื้นที่หาเสียงที่ จ.แม่ฮ่องสอน ส่วนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ลงพื้นที่หาเสียงที่ภาคใต้ในปลายเดือน เม.ย.พร้อมกันนั้น สำหรับ พปชร.มีแผนปราศรัยใหญ่ที่ จ.สงขลาในวันที่ 28 เม.ย. จากนั้นวันที่ 29 เม.ย.จะไปปราศรัยใหญ่ที่ จ.นครศรีธรรมราช
ผู้สื่อข่าวถามว่า การไปลงพื้นที่ภาคใต้พร้อมกันทั้งสองลุงจะเป็นอะไรหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า มันเป็นเรื่องการเมือง อย่าไปมองเป็นประเด็นอื่น เพราะแผนเราทำไว้นานแล้ว เมื่อถามว่า หนักใจหรือไม่ที่จะต้องแข่งกันเองกับคนของ พปชร.ที่ออกไป ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ต้องเรียนตรงๆ ว่าน้ำเก่าออกไป เรามีน้ำใหม่ที่มีคุณภาพกว่า มีความมั่นใจว่าเราจะชนะ และจะได้เพิ่มอีกหลายจังหวัด อย่าง จ.พังงา ที่เราไม่เคยมี ส.ส. มั่นใจว่าจะปักหมุดได้ ส่วน จ.นครศรีธรรมราช หลับตาก็มองเห็นแล้ว อย่างเขต 1 ของนายรงค์ บุญสวยขวัญ กรรมการบริหารพรรคและผู้สมัคร ส.ส. ทาง พล.อ.ประวิตรสั่งระดมสรรพกำลังเข้าไปช่วย และตนเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนให้อีกทาง
.
โดยเขต 1 ผ่านแน่นอน เขต 2 ของนายสุภาพ ขุนศรี ผู้สมัคร ส.ส.ก็ผ่าน ส่วนเขต 5 ของนายสุธรรม จริตงาม ผู้สมัคร ส.ส. ถือว่าเป็นเต็งหนึ่ง รวมถึงเขต 3 ของนายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ผู้สมัคร ส.ส. ดังนั้น เราไม่แพ้ใครแน่นอน ทั้งนี้ หลังจากหาเสียงที่ภาคใต้แล้ว วันที่ 30 เม.ย.จะไปปราศรัยใหญ่ที่ จ.ขอนแก่น จากนั้นวันที่ 1 พ.ค.จะไปปราศรัยที่ จ.ร้อยเอ็ด
เมื่อถามว่า มีโพลออกมาว่า พปชร.จะได้ 70 ที่นั่ง ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า อย่างเกรดเอบวก รวมกันก็ได้เกือบ 100 ที่นั่งแล้ว ดังนั้น ถามว่า พปชร.ในเรื่องของ ส.ส.แบบแบ่งเขตนั้นเรามีความมั่นใจ ส่วนใหญ่พื้นที่เลือกตั้งที่ได้ตอนปี 62 เกือบจะทุกจังหวัด เราสามารถรักษาพื้นที่ได้ ถึงแม้คนที่เป็น ส.ส.เก่าจะย้ายไปพรรคอื่น แต่เราก็หาคนใหม่มาลง เรามั่นใจว่าจะยึดพื้นที่ได้
เมื่อถามว่า แสดงว่าโพลที่ออกมาไม่ใช่ตัวเลขที่ พปชร.คาดการณ์ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า หลายสำนักที่คาดการณ์ตัวเลข พปชร.กับพรรคที่เคยร่วมรัฐบาลกันมา จะได้สูสี ถ้าเราจะเป็นรองคงเป็นรองพรรคเพื่อไทย อละพรรคภูมิใจไทย หรือจะอาจจะสูสีกับพรรคภูมิใจไทย ส่วนกับพรรคอื่นเราอาจจะได้มากกว่า
เมื่อถามว่า ยังยืนยันใช่หรือไม่ว่าการจับมือร่วมรัฐบาลจะเกิดขึ้นหลังจากการเลือกตั้ง ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนยืนยัน และพูดมาเสมอว่าการจัดตั้งรัฐบาลต้องรอผลการเลือกตั้ง ฉะนั้น หลายพรรคที่ออกมาปฏิเสธไม่จับมือกับกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ แล้ววันหนึ่งอยากเป็นรัฐบาล ผิดคำพูดตัวเองต่อสาธารณะ ในทางสังคมการเมืองมันก็จะไม่เหมือนเดิม อยากฝากหลายพรรคที่ออกมาประกาศไม่จับมือกับคนนั้นคนนี้ มันยังไวเกินไป
เมื่อถามถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ที่เอ่ยชื่อพรรคมาเลยว่า จะไม่จับมือกับ รทสช. และ พปชร. แบบนี้ปิดประตูแล้วหรือยัง ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ต้องถามว่าคนที่ออกมาพูดเป็นคนที่มีอำนาจตัดสินใจหรือไม่
“บางคนเวลาไมค์จ่อปากก็พูดเอามัน ลืมไปว่า อ้าว ผมไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจ เรื่องของพรรคเป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรคในการตัดสินใจ”
เมื่อถามว่า ร.อ.ธรรมนัสจะเป็นตัวประสานในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า คงต้องช่วยกัน รับนโยบายของหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค เมื่อถามว่า หลังปิดหีบ ทุกอย่างจะชัดเจนหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนว่าก่อนปิดหีบ 5 โมงเย็นก็รู้แล้วว่าใครจับมือกับใคร
(20 เม.ย. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร กรรมการบริหารพรรค ร่วมแถลงเปิดนโยบาย “อีสานประชารัฐ” พัฒนาภาคอีสานด้วยรถไฟทางคู่ บึงกาฬ-อู่ตะเภา
โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค กล่าวว่า เราจะพัฒนาภาคอีสานและภาคตะวันออกให้เป็นรถไฟทางคู่ จาก จ.บึงกาฬ - ท่าเรือแหลมฉบัง – ท่าเรือมาบตาพุด – สนามบินอู่ตะเภา จ.ระยอง โดยเป็นการพัฒนาพื้นที่ได้ 24 จังหวัด ในภาคอีสาน และภาคตะวันออก สอดรับกับการพัฒนาพื้นที่พิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยโครงการพัฒนาเส้นทางทางรถไฟ จะผ่าน 13 จังหวัด ได้แก่ จังหวัด บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และยังเชื่อมต่อ 11 จังหวัดได้แก่ จังหวัดหนองคาย ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ศรีษะเกษ หนองคาย และหนองบัวลำภู ระยะทางรวมประมาณ 480 กม.
โดยเราจะดำเนินโครงการทันที เมื่อได้เป็นแกนนำร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเราสำรวจเส้นทางเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับการดำเนินโครงการใหญ่ในภาคอีสาน จะเป็นจุดแรกที่เราทำก่อน จากนั้นจะทำภาคเหนือและใต้ต่อไป ซึ่งเป็นแนวคิดที่คิดจะทำกันมาหลายปีแล้ว อย่าเพิ่งไปคิดว่าโครงการ จะทำแล้วเสร็จพรุ่งนี้ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ชาวอีสาน มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ซึ่งการทำงบประมาณ ไม่ต้องห่วง ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง แต่ตนไม่ห่วง สามารถดำเนินการได้แน่นอน
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราทำเพื่อคนอีสานโดยเฉพาะ จะได้มีงาน สร้างงาน สร้างอาชีพให้คนอีสาน น้ำเขาก็น้อย การเกษตรก็มีข้อขัดข้องเยอะ คนอีสานออกมาทำงานต่างจังหวัดทั้งนั้น เราทำโครงการนี้เพื่อชาวอีสานโดยเฉพาะ อย่าเพิ่งถามถึงภาคอื่น เอาให้ภาคอีสานเจริญ โดยภาคอีสานมีทั้งหมด 133 เขต คิดเป็น 1 ใน 3 ของประเทศ
ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค กล่าวว่า เราจะพัฒนาอีสาน เปิดภาคอีสานของเราให้ทันต่อโลก เนื่องจากดูแต่ละพรรคการเมืองแล้ว มีแต่ที่จะขอให้ชาวภาคอีสานทั้ง 20 จังหวัด และภาคตะวันออก 5 จังหวัด ขอแต่แลนด์สไลด์ แต่ไม่เคยเห็นพรรคการเมืองใดเลยที่คิดว่าจะพัฒนาภาคอีสานให้พ้นความยากจน หรือนำเงินลงทุนมหาศาลไปพัฒนา ซึ่งไม่มีเลย มีแต่ พปชร. ที่ให้ความสำคัญกับชาวอีสาน ตลอดระยะเวลาเกิน 20 ปี ภาคอีสานไม่ได้รับการพัฒนาใด ๆ เลย
“หลายสิบปีที่ผ่านมา ชาวอีสานได้รับการพัฒนาอย่างเชื่องช้า มีแต่คนไปขอให้แลนด์สไลด์ แต่ยังไม่เคยได้ยินพรรคใดที่ตั้งใจที่จะไปพัฒนาภาคอีสานเพื่อลูกหลานอยู่ดีกินดี เราจึงขอแรงใจทั้ง 133 เขตให้กับ พปชร. เพื่อ พปชร. จะได้มีอำนาจในการมาพัฒนาภาคอีสาน และเรามั่นใจว่าชาวอีสานจะต้องเลือก พปชร. ทั้ง 133 เขต เพื่อให้ พปชร. เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และใน 133 เสียง ที่เลือกเราเข้าไปในสภาจะไปยกมือสนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี ผมยืนยันว่าโครงการเหล่านี้ทำจริง ทำทันที แต่เราจะต้องมีนายกฯ เป็นคนที่จะใช้อำนาจผลักดันโครงการดี ๆ เหล่านี้ได้” นายสันติ กล่าว
ดั้งนั้น พปชร. จึงมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะก่อสร้างโครงการทางรถไฟรางคู่ จาก จ.บึงกาฬ ที่อยู่บนสุด ของอีสานวิ่งตรงลงมาผ่านภาคอีสานทางตะวันออกทั้งภาค มาถึงท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือมาบตาพุด และสนามบินอู่ตะเภา เพื่อเปิดโลกให้ชาวอีสาน
นายสันติ กล่าวว่า สำหรับรถไฟรางคู่แบบใหม่ที่เราจะทำนั้น จะมีรางขนาด 1.435 ม. มาตรฐานเดียวกับรถไฟความเร็วสูง จะมีการสร้างทางหลวงพิเศษ 8 ช่องจราจร ตลอดแนวเส้นทางรถไฟ จะมีการสร้างนิคมอุตสาหกรรม ขนาด 20,000 ไร่ 6 แห่ง กว่า 6,000 โรงงาน โดยเป็นนิคมอุตสาหกรรมนำสมัย นอกจากนี้ จะมีการสร้างวิทยาลัยอาชีวะใกล้นิคมอุตสาหกรรมนิคมฯ ละ 2 แห่ง รวม 12 แห่ง เพื่อเตรียมแรงงานที่มีทักษะ และคุณภาพรองรับอุตสาหกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ ยังมีโครงการพัฒนาท่าเรือบก ซึ่งจะเป็นพื้นที่รองรับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากนิคมอุตสาหกรรมที่จัดตั้งขึ้นก่อนที่จะมีการขนส่งไปยังท่าเรือน้ำลึกที่ภาคตะวันออก
สำหรับงบประมาณที่จะใช้ในการพัฒนาโครงการนี้ โดยเฉพาะการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม ทางการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจะเป็นผู้ดำเนินการ โดยการดึงดูดนักลงทุนมาจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมที่ตั้งเป้าหมายไว้ คาดว่าจะสามารถดึงดูดเงินลงทุนเข้าประเทศไทย 4.5 ล้านล้านบาท โดยรัฐจะเป็นผู้เวนคืนที่ดินที่ต้องใช้ในการพัฒนานิคมแต่ละนิคมประมาณ 2 หมื่นไร่ เพื่อรองรับโรงงานประมาณ 1 พันโรงงาน โดยแต่ละโรงงานจะใช้เงินลงทุนประมาณ 750 ล้านบาท ทั้งนี้ มีหลายประเทศสนใจที่จะมาตั้งนิคมอุตสาหกรรมและดึงโรงงานเข้ามาประมาณ 1 แห่ง อาทิ จีน และประเทศในยุโรปที่สนใจเข้ามาตั้งโรงงาน
อย่างไรก็ตาม นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร. ได้กล่าวย้ำว่า ขณะนี้ได้ยื่นนโยบายดังกล่าวต่อคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
‘ลุงป้อม’ ประกาศ ลดราคาน้ำมัน-แก๊ส-ค่าไฟ ทำทันทีที่เข้ามาเป็นรัฐบาล
เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2566 ในการปราศรัยหาเสียงของ พรรคพลังประชารัฐ โดยจัดเวทีที่ลานวัดสมานรัตนาราม ต.บางแก้ว อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อช่วยผู้สมัคร 4 เขต ประกอบด้วย
- นายรัฐสภา นพเกต เขต 1
- นายอรรถกร ศิริลัทธยากร เขต 2
- นายสายัณห์ นิราช เขต 3
- พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ เขต 4
ท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมฟังปราศรัยจำนวนมาก
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ตนและพรรคพลังประชารัฐพร้อมแล้วที่จะทำงานรับใช้ชาวฉะเชิงเทราให้เจริญรุ่งเรือง พลังประชารัฐได้เลือกคนดีและคนเก่งมาเป็นผู้แทนของชาวฉะเชิงเทราทั้ง 4 เขต โปรดเลือกผู้สมัครทั้ง 4 เขต และขอให้เลือกหมายเลข 37 ด้วย
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า อยากสื่อสารให้พี่น้องทราบว่าที่ผ่านมาประเทศพัฒนาได้ยาก พลังประชารัฐจึงนำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากมาย ทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เพิ่มเป็น 700 บาทต่อเดือน ลดราคาน้ำมัน ราคาแก๊ส และค่าไฟฟ้าลงในทันทีที่เข้ามาเป็นรัฐบาล โดยจะลดราคาน้ำมันเบนซินลง 18 บาทต่อลิตร น้ำมันดีเซลลด 6.30 บาทต่อลิตร ซึ่งจะทำทันที่พลังประชารัฐได้เข้ามาเป็นรัฐบาล รวมทั้งยังมีมาตรการลดราคาแก๊สให้เหลือ 250 บาทต่อถัง ที่สำคัญ คือ ลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนให้เหลือ 2.50 บาทต่อหน่วย และลดค่าไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมเหลือ 2.70 บาทต่อหน่วย เพื่อมอบความสุขให้ประชาชนด้วยความจริงใจ พลังประชารัฐจะทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ที่ผ่านมาหลายอำเภอในฉะเชิงเทราได้รับการดูแลจากตน พลังประชารัฐจะแก้ปัญหาความยากจน เราจะก้าวข้ามความยากจนไปด้วยกัน ด้วยการลดความเหลื่อมล้ำ สร้างงาน สร้างรายได้ ยกระดับการศึกษา อย่างถนนหมายเลข 304 จะเป็น 4 เลน เราจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี
นอกจากนี้ ยังนโยบายมีเราไม่มีแล้ง ได้ลงพื้นที่ดูแลเรื่องน้ำหลายครั้งเพื่อดูแลแก้ปัญหาเรื่องน้ำให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะเรื่องน้ำเค็ม น้ำอุปโภค บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร และได้ทำโครงการต่าง ๆ ให้กับพี่น้องชาว จ.ฉะเชิงเทรา เป็นจำนวนมาก เรื่องที่ทำกินได้มอบหนังสืออนุญาตทำประโยชน์หลายครั้ง โดยเฉพาะพื้นที่เขาตะเกียบ
“ผมพูดไม่เก่ง แต่ทำงานและประสานประโยชน์ได้ทุกฝ่าย จะนำคนเก่ง ๆ มาร่วมมือกันทำงาน ก้าวข้ามความขัดแย้ง สร้างความรุ่งเรืองให้ประเทศก้าวข้ามความยากจน เราจะก้าวข้ามความยากจนและความขัดแย้งไปด้วยกัน ทำให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศมีความเป็นหนึ่งเดียว รักใคร่สามัคคีกัน ขอให้เชื่อมั่นในพรรคพลังประชารัฐ ผมขอประกาศกับพี่น้องว่าเราทำได้ พร้อมจะรับใช้ประชาชนให้มีความสุขต่อไป โดยการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. นี้ โปรดเลือก พปชร. เบอร์ 37 และเลือกผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ขอฝากพลังประชารัฐไว้กับชาวฉะเชิงเทราด้วย” พล.อ.ประวิตร กล่าว
ด้าน นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ผู้สมัคร เขต 2 กล่าวปราศรัยว่า ผมต้องขอบคุณชาวฉะเชิงเทราที่ให้ความเอ็นดูมากกว่า 10 ปีตั้งแต่สมัยคุณพ่อของผม และวันนี้ผมมาขอคะแนน และขอความเอ็นดูจากพี่น้องอีก 1 สมัย ผมขอโอกาสได้เข้าสภาไปผลักดันการแก้ปัญหาเรื่องน้ำให้พี่น้องชาวฉะเชิงเทราทุกคน
ขอให้วันที่ 14 พ.ค. พี่น้องเข้าคูหากาเบอร์ 37 หากจำไม่ได้ให้คิดถึงนโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่จะเพิ่มจำนวนเงินในบัตรประชารัฐ จาก 300 เป็น 700
‘พลังประชารัฐ’ เปิดโฉมหน้า ‘ดรีมทีมเศรษฐกิจ’ ขอพลิกโฉมประเทศไทย เพื่อก้าวหน้าไปอย่างยั่งยืน
วันที่ 19 เม.ย. 2566 นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ให้ความสำคัญกับปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนเป็นอย่างมาก มุ่งหวังจะแก้ปัญหาให้ประเทศชาติ ให้ประชาชนอยู่ดีกินดี และสามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้
โดยออกมาย้ำถึง “ดรีมทีมเศรษฐกิจ” ของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมีทั้งที่เป็นรัฐมนตรีในปัจจุบัน อดีตรัฐมนตรี และอดีตผู้ช่วยรัฐมนตรี ประกอบด้วย
- นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง
- นายอุตตม สาวนายน อดีต รมว.คลังและอดีต รมว.อุตสาหกรรม
- นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง
- นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พลังงาน
- นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีต รมว.พาณิชย์
- นายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง
- นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตผู้ช่วย รมว.คลัง
- ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน
และตนที่เป็นอดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง
นายชาญกฤช กล่าวว่า การรวมตัวกันของมือบริหารระดับอาชีพไม่ใช่เรื่องง่าย หากแต่เกิดจากบารมีของ พล.อ.ประวิตร ทั้งสิ้น เพราะเป็นการดึงเอามือเศรษฐกิจระดับประเทศ ล้วนเป็นผู้ที่มากความสามารถ มากประสบการณ์ เป็นที่รู้จักในฝีไม้ลายมือเป็นอย่างดีในแวดวงเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนต่างประเทศ ซึ่งให้การยอมรับว่าเป็นตัวจริงเรื่องเศรษฐกิจทุกระดับมาร่วมกันทำงาน ประกาศนโยบายเศรษฐกิจพลิกโฉมประเทศไทย 360 องศา เน้นตอบโจทย์เชิงบริหารเศรษฐกิจ สามารถเดินหน้าบริหารประเทศได้ทันที โดยไม่สะดุด หรือเกิดรอยต่อระหว่างเปลี่ยนผ่านรัฐบาล แม้ว่ารัฐบาลชุดใหม่จะต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังผันผวนก็ตาม เพราะทีมเศรษฐกิจของพรรคพลังประชารัฐ เป็นบุคลากรที่เคยปฏิบัติหน้าที่ในสนามเศรษฐกิจจริงมาแล้ว โดยมีผลงานในอดีตเป็นที่ประจักษ์
นายชาญกฤช กล่าวด้วยว่า เร็ว ๆ นี้พรรคพลังประชารัฐเตรียมจะเปิดตัวยุทธศาสตร์การเลือกตั้งล็อตใหญ่ ซึ่งจะเป็นยุทธศาสตร์ที่ไม่แพ้พรรคการเมืองใดอย่างแน่นอน พร้อมฝากประชาชนพิจารณาเลือกพรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37 และเลือกผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคทุกเขตทั่วทั้งประเทศ เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง และพลิกฟื้นเศรษฐกิจ พลิกโฉมประเทศไทย เพื่อก้าวหน้าไปอย่างยั่งยืน
ตรวจสอบสิทธิเลือกตั้ง ต้องไปลงคะแนนที่ไหน เช็กได้เลย
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดให้ประชาชนทั่วไปที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในปี 2566 นี้ ตรวจสอบสิทธิเลือกตั้งของตัวเองได้แล้วตั้งแต่วันอังคารที่ 18 เมษายน โดยเข้าไปตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์สำนักบริหารการทะเบียน ตามลิงค์ข้างล่างนี้
https://boraservices.bora.dopa.go.th/election/enqelection/
"ชัยวุฒิ" กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร
วันนี้ (18 เม.ย. 66) เมื่อเวลา 15.20 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการยกเลิกการเกณฑ์ทหารของบางพรรคการเมืองว่า
ทุกคนเห็นต่างกันได้ พรรคการเมืองที่มีความเห็นไม่ตรงกับพรรคพลังประชารัฐ ก็จะวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของเรา ตนก็มีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของพรรคการเมืองอื่น เช่นเดียวกัน ถือเป็นการใช้สิทธิ์ตามระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะที่มีบางพรรคพูดถึงเรื่องการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ขอยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐไม่มีนโยบายนี้
เราเห็นด้วยกับการคงนโยบายการเกณฑ์ทหารไว้ และให้มีการพัฒนากองทัพ ให้เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพ เพราะเราเชื่อว่าความมั่นคงของชาติเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเรื่องของการเกณฑ์ทหารมีระบบการสมัครใจอยู่แล้ว หัวใจสำคัญคือ ต้องดูแลทหารให้ดีขึ้น ให้คนที่ผ่านการเกณฑ์หรือสมัครเข้ามาใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ มีประสบการณ์และได้รับการฝึกฝนที่ดี
นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่อยากให้ทำนโยบายที่คิดถึงแต่ความนิยม หรือเอาใจประชาชน จนทำให้เกิดค่านิยมที่ผิด ค่านิยมไม่เสียสละเพื่อแผ่นดิน ตนไม่อยากใช้คำว่าชังชาติ แต่คิดว่าเป็นค่านิยมที่ไม่ถูกต้อง อยากให้มองว่ากองทัพเป็นสิ่งสำคัญ ต้องช่วยกันสร้างกองทัพให้เข้มแข็ง เพราะนี่คือความมั่นคงของชาติที่จะเป็นหัวใจสำคัญในการที่จะทำให้เศรษฐกิจของเราเดินหน้า ต่อไปได้ด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายพรรคมองว่านโยบายการเกณฑ์ทหารควรได้รับความสมัครใจจากผู้ที่ประสงค์จะสมัครเป็นทหาร นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เป็นแนวคิดของพรรคการเมืองอื่น ซึ่งในข้อเท็จจริงวันนี้เรามีแผนพัฒนากองทัพ และมีการวางแผนใช้กำลังทหารอยู่แล้ว และปัจจุบันมีการปรับลดจำนวนทหารเกณฑ์ จาก 100,000 คนเหลือเพียง 6 หมื่นคน แต่ปัจจุบันผู้ที่สมัครเข้ามามีจำนวนไม่เพียงพอ จึงยังต้องคงระบบการเกณฑ์ทหารเอาไว้ ตนเชื่อว่าภัยคุกคามประเทศยังคงมีอยู่ บางเรื่องที่นักการเมืองไม่รู้แต่ฝ่ายความมั่นคงรู้ ก็ควรจะรับฟังและพูดคุยกันด้วยเหตุผล
ผู้สื่อข่าวถามถึงผลโพลที่ออกมา ที่ระบุว่าพล.อ.ประวิตร เป็นอันดับ 1 ในการก้าวข้ามความขัดแย้ง นายชัยวุฒิ กล่าวว่า นี่เป็นนโยบายหลักของพรรคอยู่แล้ว พล.อ.ประวิตร มีแนวคิดและแนวทางในการทำงานที่ชัดเจนอยู่แล้ว ในเรื่องของการประนีประนอม และพูดคุยกับทุกฝ่าย ทุกวันนี้สังคมไทยมีความขัดแย้งทางการเมืองอย่างสุดโต่ง มีทั้งฝ่ายซ้ายจัด ขวาจัด บางคนก็อยากเปลี่ยนประเทศ ซึ่งอาจจะเป็นการเปลี่ยนที่ไกลเกินไป จนคนไทยรับไม่ได้ และอาจทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงในอนาคต รวมถึงบางคนที่คิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว หรือเรื่องของครอบครัว มากเกินไป ก็จะทำให้ประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งรับไม่ได้เช่นกัน
นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ความขัดแย้งทางการเมืองมีโอกาสเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน ถ้าการเลือกตั้งครั้งนี้ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งรุนแรง อาจจะส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน และทำให้บ้านเมืองมีปัญหาในอนาคต พล.อ.ประวิตร จึงต้องการก้าวข้ามความขัดแย้ง รับฟังทุกกลุ่มทุกฝ่าย ประสานให้ทุกคนทำงานร่วมกันได้ ที่สำคัญคือเราคิดต่างกันได้ แต่ต้องมาหาทางออกร่วมกัน
“เชื่อว่าลุงป้อม จะเป็น Soft Power ที่จะทำให้ทุกคนมาทำงานร่วมกันได้ และสามัคคีกันได้ และเชื่อมั่นว่า สิ่งนี้คือหัวใจสำคัญ ที่จะทำให้ประเทศชาติของเราเดินหน้าไปได้ ประชาชนก็จะอยู่ดีกินดีก้าวข้ามความขัดแย้งก้าวข้ามความยากจน"
เมื่อถามว่า ในโพลอันดับความนิยม หรือแคนดิเดตนายกฯ พล.อ.ประวิตร ยังไม่ติด อันดับเลย นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า ตนก็ติดตามการทำโพล มีการไปสอบถาม กลุ่มต่าง ๆ ซึ่งอาจจะเป็นคนกลุ่มหนึ่งที่ให้ความเห็น แต่ในโพลที่เราทำมา เราก็มีคะแนนนิยมอยู่พอสมควร
"ผมเชื่อว่าคนที่รัก พล.อ.ประวิตร และเข้าใจแนวทางของพรรค และชอบนโยบายมีเยอะ เพียงแต่คนเหล่านี้ไม่ได้ไปตอบโพล ซึ่งสิ่งนี้ทำให้คะแนนในโพลเราอาจจะไม่ดี แต่ผมเชื่อว่าคะแนนนิยมของจริง เราดี เราเป็นนายกในโลกของความเป็นจริง ไม่ใช่นายกฯ ในโลกออนไลน์ และสิ่งที่เราทำเราทำจริง ไม่ได้คิดไกลเกินไป คิดในสิ่งที่ทำได้"
เมื่อถามว่าในช่วงโค้งสุดท้ายจะมีนโยบายอะไรที่โดนใจประชาชนหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า นโยบายเราเปิดไปเยอะแล้ว แต่ตนคิดว่า ก็ต้องประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนรับรู้มากขึ้น ประชาชนอาจยังไม่เข้าใจนโยบายของพรรคในบางจุด เราจะพยายามทำให้มากขึ้น
ลุงตู่ ลั่นการเกณฑ์ทหารยังจำเป็น ชี้ คนสนใจอยากเป็นทหารมากขึ้น
วันที่ 18 เม.ย. 2566 เวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงเรื่องการเกณฑ์ทหารว่า
เรื่องการเกณฑ์ทหารวันนี้บางพื้นที่บางเขตมีผู้สมัครเกินความต้องการในหลายพื้นที่ อันนี้เป็นสิ่งที่น่าดีใจทุกคนเริ่มเข้าใจ และสนใจอยากที่จะมาเป็นทหาร ซึ่งมีหลายอย่างด้วยกัน และวันนี้ก็มีข้อยกเว้นอยู่แล้วสำหรับการเรียนนักศึกษาวิชาทหารอะไรทำนองนี้ รวมถึงการผ่อนผันในช่วงการศึกษาเราก็มีให้ทั้งหมด และวันนี้เราก็ปรับรูปแบบหลายอย่างในการเกณฑ์ คือการเกณฑ์ทหารก็เกณฑ์เท่าที่จำเป็นไม่ได้หมายความว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ กองเกินทั้งหมดต้องเป็นทหารทั้งหมด ก็มีการจับสลากบ้าง อันนี้ขอให้ติดตาม ถ้าเราไม่มีเราก็จะเดือดร้อน
ซึ่งทหารทั้งกองทัพไม่ได้มีเฉพาะนายทหารกับนายสิบ แต่ต้องมีพลทหารด้วยที่อยู่ในชุดปฏิบัติการ ในหมู่ ในหมวด กองร้อยกองพัน ฉะนั้นการฝึกทหารในช่วง 3 เดือนแรกจะเป็นการปรับพฤติกรรมเท่านั้นเพื่อให้รู้ระเบียบวินัยต่าง ๆ และรู้จักการใช้อาวุธ แต่รูปแบบยุทธวิธีจะฝึกหลังจาก 3 เดือนแรก ซึ่งจะต้องฝึกอย่างต่อเนื่อง ฝึกภาคกองร้อยฝึกภาคกองพัน ฝึกร่วมผสมต่าง ๆ ในการฝึกการทำงานและมีหน้าที่แตกต่างกัน เพราะมีถึง 16 เหล่า ก็ต้องเรียนรู้บ้าง
“และวันนี้ในส่วนของทหารเกณฑ์ผมได้ให้แนวนโยบายมานานแล้ว เรื่องการเพิ่มคุณวุฒิในการศึกษา โดยให้มีการเรียน กศน. ยกระดับการศึกษาให้สูงขึ้น อย่างน้อย 1-2 ระดับ เพราะมีเวลา 2 ปี นอกจากนี้ในเรื่องของการมีระเบียบวินัยเมื่อกลับไปบ้านเป็นผู้นำเป็นหัวหน้าครอบครัว ถ้าเราไม่มีระเบียบวินัยในสังคมจะอยู่กันไม่ได้ วันข้างหน้าจะวุ่นวาย อีกเรื่องคือการฝึกวิชาชีพให้กับทหารก่อนปลดประจำการ รวมถึงการให้สิทธิ์สมัครเป็นนายสิบต่อซึ่งมีผู้สนใจมากขึ้นตามลำดับ และวันนี้ทุกคนมีความภาคภูมิใจฝึกทหารแล้วรู้ว่าได้อะไรกลับไป ถ้าเราไม่มีเลยมันจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ ไม่มีประเทศไหนเขาไม่มีทหารหรอก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่าภาครัฐจะมีการประชาสัมพันธ์ หรือทำความเข้าใจกับประชาชนให้เข้าใจถึงความสำคัญในการเกณฑ์ทหารเพิ่มเติมอย่างไรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว สื่อก็ช่วยกันพูด เราพูดไปเยอะหมดแล้ว ขอให้ติดตามเวลาที่มีการออกข่าว เขามีการออกคลิปอะไรต่าง ๆ เยอะแยะไปหมดต้องติดตามดูด้วย สื่อหนังสือพิมพ์ก็มี สื่อโซเชียลก็มี สื่อต้องช่วยกันขยาย ทุกเรื่องต้องสื่อสาร
“ผมไม่ได้เป็นศัตรูกับท่าน แม้หลายอย่างจะจริงไม่จริงบ้างแต่ก็รับได้ นี่คือประชาธิปไตยของประเทศไทย ผมก็ประชาธิปไตยเต็มที่กับท่านแล้ว กับสื่อก็เต็มที่แล้ว มันก็เหลือแต่กฎหมายเท่านั้นเอง ถ้าทุกคนทำอะไรก็ได้มันก็อยู่กันไม่ได้หรอกประเทศ เราก็ให้ประชาธิปไตยเต็มใบอยู่แล้ว มากกว่าเต็มใบอีก ใบครึ่งไปแล้วมั้ง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ตัวเต็งนายกฯ จับตามองที่ 'อุ๊งอิ๊ง-อนุทิน-ลุงตู่' ส่วนพิธา 'ก้าวไกล' ตัดทิ้งไปได้เลย
(18 เม.ย.66) ส่วนหนึ่งจากคอลัมน์ 'เปลวสีเงิน' ได้นำเสนอบทความในหัวข้อ...นายกฯ 'รำไรๆ' ใต้ขนตา...ระบุความว่า...
ใคร ๆ ก็มองว่า ลุงป้อมจะไปตั้งรัฐบาลกับเพื่อไทย ที่เขาเอาตำแหน่งนายกฯ มาล่อ หวังแลกมือ ส.ว. สนับสนุนในรัฐสภา
เขาล่อน่ะ…ล่อจริง
แต่ผมเชื่อ ลุงป้อมไม่ยอมให้ล่อหรอก!
เพราะอะไรน่ะหรือ ในมุมมองผมนะ ผมเชื่อศักดิ์ศรีขุนทหารระดับ 'แม่ทัพ' กองทัพไทยของลุงป้อม
ถ้าโลภ จนหลง ยึดประโยชน์ตนเหนือประโยชน์ชาติ วิเคราะห์สถานการณ์ไม่ขาด อ่านเกมฝ่ายตรงข้ามไม่ออก
ทำเนียบกองทัพไทย...จะไม่มีคนชื่อ 'พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ' บรรจุอยู่ในตำแหน่ง 'ผู้บัญชาการทหารบก' ได้แน่นอน!
นั่นอย่างหนึ่ง...
และอีกอย่างหนึ่ง ระดับผู้บัญชาการกองทัพ ต้องเข้าพระราชพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงกล่าวนำมาแล้ว
ที่จะให้ 'พลเอกประวิตร' ไปตั้งรัฐบาลกับพรรคที่มีแนวทางอสัตย์ต่อ 'ชาติ-ศาสน์-พระมหากษัตริย์' เลิกมาตรา ๑๑๒ เมื่อได้เป็นรัฐบาล แบบนั้น
พลเอกประวิตร 'ไม่ทำ' แน่นอน!
อย่างสุดท้าย...คุณเคยได้ยินคำนี้มั้ย 'เพื่อนร่วมตาย' เหนือกว่า 'พี่น้องสายโลหิต'
คนเราน่ะ ต่างที่เกิด ต่างที่มา วันหนึ่ง มีวาสนาได้รู้จักกัน คบหากัน กินนอนด้วยกัน ร่วมเป็น-ร่วมตายด้วยกัน ใจผูกเป็นพี่-เป็นน้องกัน
อย่างพลเอกประวิตร-พี่ใหญ่, พลเอกอนุพงษ์-พี่รอง, พลเอกประยุทธ์-น้องเล็ก...ไม่ต่างเหล็กไหล ต่อให้ใช้แสงเลเซอร์ตัด ยืดปานจะหยด แต่ยังไง ๆ ก็ตัดเหล็กไหลไม่ขาด!
ความผูกพันของ ๓ ป. เท่าที่ผมดู จะทะเลาะกันบ้าง ขัดใจกันบ้าง งอนกันบ้าง ถึงขั้น 'แตกพรรค-แตกขั้ว' ออกไปจากกันก็เถอะ แต่ก็นั่นแหละ ไหลยืดปานจะขาดจากกัน แต่มันก็ 'ตัด' กันไม่ขาด!
การแตกพรรค ที่ดูเหมือนแตกกัน นั่นมันแค่ 'ยุทธศาสตร์การเมือง' ที่มีแกนยึด จะไม่ 'แตกสามัคคี' จนนำไปสู่การกระทำให้ 'ชาติบ้านเมืองแตก'
เชื่อผมเถอะ ชั่ว, ดี, ถี่, ห่าง อย่างไร 'ทหารเสือนวมินทราชินี' คือ ผู้แก้ปัญหาให้ชาติบ้านเมือง ไม่ใช่ผู้สร้างปัญหาให้ชาติบ้านเมือง
ฉะนั้น ผมจึงอยากบอกลุงป้อมว่า ท่านน่ะ 'เลือดผู้นำ' ที่จะให้นั่งอยู่ในรู ปล่อยให้ลูกน้องออกไปสู้ตามลำพังน่ะ นั่นไม่ใช่วิสัยลุงป้อม
ใจบันดาลแรงท่านก็จริง แต่แดดมันแรง การเดินสายหาเสียง ตะกายขึ้นแต่ละเวที คนไม่เคย ไม่รู้หรอกว่า มันสาหัส-สากรรจ์ขนาดไหน?
ผมมองการณ์ข้างหน้า 'หลังเลือกตั้ง' อยากจะบอกว่า รัฐบาลข้างหน้า จะขาดลุงป้อมไม่ได้!
ฉะนั้น ลุงป้อมจะเป็นอะไรไปไม่ได้ ต้องถนอมตัวไว้ ยังไง ๆ พรรคพลังประชารัฐก็ต้องร่วมเป็นรัฐบาลกับฝ่ายที่ 'ไม่ล้มเจ้า' อยู่แล้ว
แล้วมีพรรคไหนบ้างล่ะ ที่ไม่มีแนวทางล้มเจ้า? ก็มีพรรคภูมิใจไทย, รวมไทยสร้างชาติ, ประชาธิปัตย์, ชาติไทยพัฒนา, ไทยสร้างไทย, ไทยภักดี, ชาติพัฒนากล้า เป็นต้น
รัฐบาลหน้า ก็จะอยู่ในกลุ่มพรรคเหล่านี้ ส่วนพรรคไหนจะมี ส.ส. มากที่สุด ได้เป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงจะเอาใครเป็นนายกฯ? นั่นมันเรื่องข้างหน้า
ตราบใดที่ยังไม่เลือกตั้ง แต่ละพรรคยังไม่มีตัวเลขมาแบบโต๊ะพูดจา การยกมาพูดตอนนี้ ไม่ต่างกับว่า..."ถ้าได้แต่งกับนางงามจักรวาล จะให้ลูกเรียนโรงเรียนไหนดี?"
มันเพ้อเจ้อข้ามขั้นตอนมากไป ไปหานางงามจักรวาลมาแต่งให้ได้ซะก่อนเหอะ แล้วค่อยมาคุยเรื่องมีลูก เรื่องโรงเรียน!
พรรคภูมิใจไทย ของคุณอนุทิน ชาญวีรกูล โพลทุกสำนักฟันธงว่า จะได้ ส.ส.มากเป็นอันดับ ๒ รองจากพรรคเพื่อไทย และเป็นพรรคเดียวในกลุ่มพรรคไม่ล้มเจ้า ที่จะได้ ส.ส.ถึงหลักร้อย คือมากกว่า ๑๐๐ คนขึ้นไป!
ส่วน 'พรรครวมไทยสร้างชาติ' ของนายกฯ ประยุทธ์ เขาประเมินกันแค่ ๔๐ กว่า ส.ส. เท่านั้น
ถ้าผลเลือกตั้งเป็นตามนี้ ภูมิใจไทยของคุณอนุทิน คือตัวชี้ว่า ฝ่ายไหนจะได้เป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล? ถ้าไปรวมกับเพื่อไทย เสียงกว่าค่อนสภา ตั้งรัฐบาลได้เลย
แต่ผมไม่เชื่อ เหมือนที่ไม่เชื่อว่าลุงป้อมจะไปตั้งรัฐบาลกับพรรคฝ่ายล้มเจ้า
พรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อไทย ก็ต้องแข่งกันรวบรวมเสียงว่า ในจำนวน ๕๐๐ ส.ส. ใครจะรวบรวมได้เกินครึ่ง คือ มากว่า ๒๕๑ เสียงขึ้นไปได้ก่อนกัน
นี่ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ในการจะเลือกโดยตกลงกันว่า จะให้ใครเป็นนายกฯ?
ใช่ว่าพรรคไหนมีเสียงมาก ก็จะเป็นนายกฯ ได้ทันที เว้นแต่พรรคนั้น มี ส.ส. 'พรรคเดียว' เกินครึ่ง!
สรุปตาม 'คณิตศาสตร์ส.ส.'จากโพล...
>> อุ๊งอิ๊ง นายกฯ ฝ่ายแดง
>> อนุทิน นายกฯ ฝ่ายน้ำเงิน
แต่จากเสียง 'พลังเงียบ' ที่เป็นคลื่นใต้น้ำบอกว่า ๑๔ พฤษภาคมนี้ เขาจะออกไปเลือกรวมไทยสร้างชาติ ทั้งพรรค ทั้ง ส.ส.เขต
บัตรสีเขียว เลือกพรรค เขาจะ X เบอร์ ๒๒ พรรครวมไทยสร้างชาติ
บัตรสีม่วง เขาจะ X เบอร์ สส.เขต ของพรรครวมไทยสร้างชาติ
ต้องการให้ 'พลเอกประยุทธ์' เป็นนายกฯ ต่อ!
เออ…ทั้งโพล ทั้งพลังเงียบนอกโพล เขาว่างี้ ก็หมายความว่า ตัวชิงเข้าวิน มี ๓ ตัว คือ 'อุ๊งอิ๊ง-อนุทิน-ลุงตู่' ส่วนพิธา 'ก้าวไกล' ตัดทิ้งไปได้เลย!
สรุป ฟันธง… ถ้าฝ่ายแดงแลนด์สไลด์ อุ๊งอิ๊ง นายกฯ ไร้คู่แข่ง
ถ้าไม่แลนด์สไลด์ ฝ่ายน้ำเงินตั้งรัฐบาล 'ลุงตู่-อนุทิน' คนใด-คนหนึ่ง เป็นนายกฯ!
เปิดตัวขุนพล 'พรรคใหญ่' ชิงชัยเก้าอี้ ส.ส. สมุทรสาคร
สำหรับ 3 เขตของจังหวัดสมุทรสาคร ตามการแบ่งเขตของ กกต. มีดังนี้
>> เขต 1 อำเภอเมืองสมุทรสาคร (เฉพาะตำบลมหาชัย, ตำบลท่าฉลอม, ตำบลโกรกกราก, ตำบลบางหญ้าแพรก, ตำบลท่าทราย, ตำบลโคกขาม, ตำบลพันท้ายนรสิงห์, ตำบลคอกกระบือ และตำบลบางน้ำจืด)
>> เขต 2 อำเภอเมืองสมุทรสาคร (เฉพาะตำบลนาดี) อำเภอกระทุ่มแบน (เฉพาะตำบลอ้อมน้อย, ตำบลสวนหลวง, ตำบลท่าไม้, ตำบลตลาดกระทุ่มแบน, ตำบลแคราย, ตำบลคลองมะเดื่อ และตำบลดอนไก่ดี)
>> เขต 3 อำเภอเมืองสมุทรสาคร (เฉพาะตำบลนาโคก, ตำบลกาหลง, ตำบลบางโทรัด, ตำบลชัยมงคล, ตำบลบ้านบ่อ, ตำบลบางกระเจ้า, ตำบลบ้านเกาะ และตำบลท่าจีน) อำเภอกระทุ่มแบน (เฉพาะตำบลท่าเสา, ตำบลบางยาง และตำบลหนองนกไข่) อำเภอบ้านแพ้ว
ศศิกานต์ อึ้ง รทสช. กระแสดี แต่ ยังมีคนไม่รู้ ลุงตู่อยู่รวมไทยสร้างชาติ
(17 เม.ย. 66 ) น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ ผู้สมัคร ส.ส. เขตบางแค ภาษีเจริญ หมายเลข 7 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้พูดถึงการรณรงค์หาเสียงในพื้นที่เขตบางแค ภาษีเจริญ ว่า
ตนเองเน้นเรื่องการลงพื้นที่ พบปะ พี่น้องประชาชน พยายามเข้าถึงพูดคุยทุกบ้าน ซึ่งที่ผ่านมา ก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก และพบว่ามีพลังเงียบที่เป็นกองเชียร์ลุงตู่เยอะมาก มีหลายคนอาสาเข้ามาช่วยงานโดย ไม่คิดค่าจ้าง เช่น แจกใบปลิวและช่วยติดป้าย
รวมถึงช่วยเป็นเพื่อนเดินหาเสียงในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ตลอดจนแจ้งข่าวสารในพื้นที่ เช่น ป้ายบริเวณซอยนั้นไม่มี ป้ายซอยนี้พัง ให้มาซ่อม อย่างนี้เป็นต้น ทำให้ยิ่งเดินก็ยิ่งมั่นใจในกระแสพรรคมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกเรื่องที่ต้องเร่งชี้แจงให้ประชาชนรับทราบโดยด่วน เพราะจากการลงพื้นที่ทำให้ทราบว่า ยังมีพี่น้องประชาชนจำนวนไม่น้อย ที่ยังไม่ทราบว่าลุงตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ หลายคนคิดว่า ลุงตู่ ยังอยู่พรรคเดิมเหมือนเมื่อการเลือกตั้งปี 62 ซึ่งตนเอง และทีมงานก็ได้พยายามประชาสัมพันธ์ และสื่อสารให้พี่น้องประชาชนทราบให้ทั่วถึงที่สุดว่า ลุงตู่อยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ถ้าพี่น้องเลือกจิ๊บ เป็นส.ส.เขต จะได้ลุงตู่เป็นนายกรัฐมนตรี มาทำงานต่อ