กองบัญชาการกองทัพไทยมอบผ้าห่มกันหนาวาวไทยภูเขาเผ่ากระเหรี่ยงทองหลาง
(26 ธ.ค.65) กองบัญชาการกองทัพไทย โดยหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 15 สำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย ลงพื้นที่มอบผ้าห่มกันหนาวให้กับราษฎรชาวไทยภูเขาเผ่ากระเหรี่ยง และราษฏรผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่รอบที่ตั้งหน่วยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและบรรเทาความหนาวเย็น
กองบัญชาการกองทัพไทย โดย พ.อ.ณพัฒน์ ปกป้อง ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 15 นำกำลังพล พร้อมด้วยกำลังพลจิตอาสา ลงพื้นที่มอบ ผ้าห่มกันหนาว ข้าวสาร บรรจุถุง และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ที่ได้รับสนับสนุนมาจากหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย ให้กับราษฏรผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยติดเตียง และผู้ประสบภัยหนาวให้กับราษฏรชาวไทยภูเขาเผ่ากระเหรี่ยง บ้านกุดจะเลิด หมู่ที่ 3 ตำบลทองหลาง อำเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ติดภูเขาและมีอากาศหนาวเย็น รวมทั้ง ราษฏรผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่รอบที่ตั้งหน่วย บ้านชุมทหาร ตำบลห้วยคต อำเภอห้วยคต ซึ่งเป็นพื้นที่ติดและกำลังเผชิญกับความหนาวเย็น ณ ขณะนี้ รวมจำนวน 300 ผืน
เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.65 คณะกรรมการ 'โครงการสมาชิกวุฒิสภา พบประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคกลาง' นำโดย นายวิทยา ผิวผ่อง รองประธานกรรมการคนที่หนึ่ง พร้อมด้วยคณะสมาชิกวุฒิสภา รวม 7 ท่าน และนายธนิศร์ วงศ์ปิยะสถิต ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เขตตรวจราชการที่ 2 นั่งเรือลงพื้นที่ติดตามสภาพพื้นที่ และความเสียหายจากสถานการณ์อุทกภัย ปี 2565 ในพื้นที่ตำบลบ้านงิ้ว อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี
จากนั้น เดินทางไปยังอาคารเอนกประสงค์ วัดศาลาแดงเหนือ พบหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนชุมชนและประชาชน เพื่อรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับประชาชนเกี่ยวกับวิถีชุมชนชาวมอญสู่การส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน และแนวทางโครงการ ส่งเสริมพลังงานทดแทน โดยมี นายอดิเทพ กมลเวชช์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี, นางวิพร แววศรีผ่อง นายอำเภอสามโคก, นางเสาวรีย์ อัมภสุวรรณ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดปทุมธานี, นายจักรพันธ์ กิ่งแก้ว พลังงานจังหวัดปทุมธานี, หัวหน้าส่วนราชการ, ประชาชนชุมชนมอญ, วัดศาลาแดงเหนือ และผู้แทนจากหน่วยงานในจังหวัดปทุมธานี ร่วมรายงานข้อมูล ข้อเสนอแนะต่าง ๆ ให้คณะสมาชิกวุฒิสภา ได้รับทราบเพื่อนำไปสู่การดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของวุฒิสภาต่อไป
(ปทุมธานี) เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2565 เวลา 10.00 น. ที่ชั้น 12 เทศบาลนครรังสิต ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ร้อยตำรวจเอก ดร.ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีนครรังสิต และนายพสุธา คันศร รองผู้ว่าการก่อสร้างและบริหารโครงการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding หรือ MOU) ดำเนินโครงการปรับปรุงระบบจำหน่ายไฟฟ้าเป็นเคเบิลใต้ดิน ภายใต้โครงการ 'เมืองน่ามอง สะอาด ปลอดภัย นำสายไฟฟ้าลงดิน' โดยมี นายไชยวัฒ มีคุณ ปลัดเทศบาลนครรังสิต และนายกัตติเมศร์ กรพัฒนสวัสดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการพิเศษ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) และผู้บริหารเทศบาลนครรังสิต ร่วมเป็นสักขีพยาน
โดย เทศบาลนครรังสิต และ PEA มีความประสงค์ที่จะดำเนินโครงการปรับปรุงระบบจำหน่ายไฟฟ้าเป็นเคเบิลใต้ดิน ดังนี้
1.) ถนนรังสิต-นครนายก (โรงสูบน้ำ-สำนักงานเทศบาลนครรังสิต) ระยะทาง 370 เมตร
2.) ถนนรังสิต-นครนายก (สำนักงานเทศบาลนครรังสิต-ฟิวเจอร์ปาร์ค) ระยะทาง 950 เมตร โดยนำระบบจำหน่ายกระแสไฟฟ้าฝังใต้ดิน เพื่อความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย และมีความปลอดภัย ตามแนวทางการพัฒนาเมืองน่าอยู่และชุมชนน่าอยู่ ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
‘อนุทิน’ เปิดทดลองวัคซีนโควิด HXP-GPOVac ของ อภ. ในคนเฟส 3 ตื้นตันจุกอก ‘อาสาสมัคร 4 พันคน’ เข้าร่วม ย้ำเป็นตัวเปลี่ยนเกม ตีไข่แตกสำเร็จทำไทยมีความมั่นคงวัคซีน ช่วยประหยัดงบประมาณ ส่งออกต่างประเทศ สร้างความร่วมมือต่างชาติขยายต่อยอด อภ.เผยเล็งวิจัยต่อในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี
(23 ธ.ค. 65) ที่ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) นพ.ทวีศิลป์ วิศณุโยธิน รองปลัด สธ. นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผอ.อภ. และ นพ.นคร เปรมศรี ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ แถลงข่าววิจัยทางคลินิกระยะที่ 3 เพื่อประเมินความปลอดภัยและความสามารถในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของวัคซีน HXP-GPOVac ขนาด 10 ไมโครกรัมในรูปแบบเข็มกระตุ้นเปรียบเทียบกับวัคซีนโควิด-19 ชนิดที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะ พร้อมเยี่ยมชมการเริ่มฉีดวัคซีนในอาสาสมัคร ซึ่งเริ่มวันนี้เป็นวันแรก - 11 ม.ค. 2565
นายอนุทินกล่าวว่า วัคซีนโควิด HXP-GPOVac หนึ่งในโครงการวิจัยที่คืบหน้าที่สุดของไทย มาถึงจุดวิจัยทางคลินิกในระยะที่ 3 ถือเป็นพัฒนาการอีกหนึ่งขั้นในการสร้างภูมิคุ้มกันในประเทศไทย ต้องขอคารวะอาสาสมัคร 4 พันคน มีทั้งประชาชนและ อสม. ถือว่าเป็นวีรบุรุษวีรสตรี ที่เป็นผู้ที่จะทำให้การพัฒนาวิจัยวัคซีนเกิดผลสำเร็จ มีคุณูปการต่อประชาชนไทยและประเทศ แต่ไม่ต้องกังวล วัคซีนผ่านการทดสอบระยะที่ 1 และ 2 ว่าปลอดภัย ถึงนำมาทดสอบจำนวนมากในระยะที่ 3 เป็นรูปแบบเชื้อตายที่คนไทยคุ้นเคยดีว่าปลอดภัย อย่างวัคซีนไข้หวัดใหญ่
นายอนุทินกล่าวว่า วันนี้ไม่มีวัคซีนตัวไหนป้องกันการติดเชื้อโควิดได้ แต่ทุกตัวทำให้ผู้ที่ติดเชื้อไม่มีอาการรุนแรงและไม่เสียชีวิต หากได้รับวัคซีนตามที่ สธ.กำหนดแนะนำ ทั้งนี้ ถ้าการทดสอบได้ผลน่าพอใจ ก็พร้อมจะผลิตวัคซีนตัวนี้เป็นเข็มกระตุ้นจากโรงงานผลิตยาของ อภ.ที่มีคุณภาพระดับโลก เงินทองก็จะไม่รั่วไหลออกนอกประเทศ เสริมสร้างความมั่นคงของระบบสาธารณสุขไทย
"ทราบว่าอาสาสมัครเป็น อสม. เชื่อว่าคนไทยทุกคนที่รับฟังข้อมูลนี้ก็จะรู้สึกจุกอกด้วยความปลื้มใจและศรัทธาที่มีให้กับ อสม. ที่ทุ่มเทด้านสาธารณสุข ในนามรัฐบาล สธ. และบุคลากรทางการแพทย์ ขอบคุณทุกคนทุกหน่วยงาน ทั้งในและต่างประเทศที่ช่วยกันให้ไทยจะมีวัคซีนป้องกันโควิดจากฝีมือคนไทย ตอกย้ำขีดความสามารถของไทยในการดูแลประชาชนให้มีความมั่นคงด้านสุขภาพอย่างยั่งยืน" นายอนุทินกล่าว
นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า ช่วงโควิดระบาดเราเห็นจุดอ่อนความมั่นคงทางยาและวัคซีน รัฐบาลให้การสนับสนุนองค์กรต่าง ๆ พัฒนาวิจัยวัคซีนมีหลายรูปแบบ อภ.ใช้เทคโนโลยีไข่ไก่ฟักและแบบเชื้อตาย มีความก้าวหน้าสูงสุดทำได้ในเฟส 3 โดยจะเปรียบเทียบกับไวรัลเวกเตอร์คือแอสตร้าเซนเนกา หวังว่าจะใกล้เคียงกันเรื่องคุณภาพ จะเป็นวัคซีนของคนไทย โดยจะทดลองวัคซีนในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีด้วยจะได้ใช้ในทุกกลุ่มอายุ หากมีความสำเร็จจะทำให้คนไทยมีความมั่นคง กลับไปสู่ภาวะปกติสุข มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว และการพึ่งพาตนเอง
งานใหญ่แน่! ทุ่มเงินกว่า 2 ล้านบวชลูกชาย โปรยทานเครื่องใช้ไฟฟ้ากว่า 150 ชิ้น!!
วันนี้ (22 ธ.ค.65) บรรยากาศที่บ้านเลขที่ 119 หมู่ที่ 4 ต.ท่าชุมพล อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ซึ่งกำลังจัดเตรียมเป็นสถานที่จัดงานอุปสมบทลูกชาย และหลานชายของนายพัฒนา พระเดโช นายก อบต.ท่าชุมพล ในวันที่ 25 ธ.ค.65 มีการประดับประดาด้วยไฟแอลอีดีรูปร่างต่าง ๆ สุดอลังการ และยังมีการจัดฉายหนังกลางแปลง ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค.2565 ยาวไปจนถึงวันที่ 24 ธ.ค.65 รวม 4 วัน 4 คืน มีบรรดาร้านค้า บ้านลม และสวนสนุก ๆ มาตั้งภายในงาน มีชาวบ้านในพื้นที่ต่าง ๆ พากันเดินทางมาเที่ยวงานกันอย่างคึกคัก ส่วนในวันที่ 25 ธ.ค.65 เวลา 7.00 น. จะนำนาคไปอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดชัยรัตน์ อ.โพธาราม
สำหรับงานอุปสมบทดังกล่าว จะเป็นงานบวชของนายพงศกร พระเดโช อายุ 27 ปี นายพัชนพล พระเดโช อายุ 25 ปี และหลานชาย นายรวิสุต ประเสริฐ อายุ 20 ปี โดยในวันเสาร์ที่ 24 ธ.ค.65 จะมีพิธีปลงผมนาคทั้ง 3 ในเวลา 09.00 น.
ส่วนช่วงเที่ยง มีการเทศสอนนาค และในวันอาทิตย์ที่ 25 ธ.ค.65 เวลา 07.00 น. นำนาคทั้ง 3 ไปอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดชัยรัตน์ ส่วนการจัดงานฉลองนาค เริ่มตั้งแต่วันที่ 21–24 ธ.ค.65 มีการฉายภาพยนตร์ และการแสดง รำวงย้อนยุค
แต่ที่เป็นที่ฮือฮา เมื่อทางเจ้าภาพได้มีการจัดเตรียมเครื่องใช้ไฟฟ้า จำนวนกว่า 150 ชิ้น อาทิ ตู้เย็น ทีวี พัดลม หม้อหุงข้าว กระติกน้ำ เครื่องปั่นน้ำผลไม้ เตาปิ้งย่าง และเงินโปรยทาน รวมมูลค่ากว่า 2 แสนบาท ซึ่งเตรียมไว้สำหรับโปรยทานก่อนนำนาคเข้าอุปสมบท ในวันอาทิตย์ที่ 25 ม.ค.65 นี้ ตั้งโชว์อยู่ที่บริเวณหน้าเครื่องไตรบวชนาค
นอภ.ลาดหลุมแก้ว นำหน่วยงานสวดมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระองค์ภาฯ ให้ทรงหายจากพระอาการประชวร
เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2565 เวลา 09.00 น. ที่วัดบัวแก้วเกษร ตำบลลาดหลุมแก้ว อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี นำโดยนางรัฐยา อาจหาญ เผยพร นายอำเภอลาดหลุมแก้ว พร้อมข้าราชการหน่วยงานต่าง ๆ และประชาชนชาวลาดหลุมแก้ว ร่วมกันสวดพระพุทธมนต์และเจริญจิตภาวนา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ให้พระองค์ทรงหายจากพระอาการประชวร ตามแถลงการณ์สำนักพระราชวัง เรื่อง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงพระประชวร ลงวันที่ 15 ธันวาคม 2565 นั้น เพื่อเป็นการรวมใจไทยทั้งชาติในการแสดงความจงรักภักดี
ร.ร.เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ปทุมธานี จัดกิจกรรมทอดผ้าป่าสามัคคี สร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.5
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2565 ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ปทุมธานี อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เป็นประธานร่วมทอดผ้าป่าการศึกษาโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ปทุมธานี โดยมี นายพิษณุ เดชใด ผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ปทุมธานี ให้การต้อนรับ พร้อมทั้งคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน, สมาคมผู้ปกครอง, ชมรมครู, ชมรมศิษย์เก่า, คณะครูและนักเรียน ตลอดจนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา ที่ได้ร่วมการจัดตั้งองค์ผ้าป่าสามัคคีมหากุศล โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อจัดหาทุนสมทบในการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ เป็นศูนย์รวมจิตใจของคณะครูบุคลากรทางการศึกษา นักเรียน และประชาชนทั่วไป
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ปทุมธานี ได้ใช้สัญลักษณ์พระเกี้ยว เป็นศิราภรณ์ประดับพระเกศา หรือพระเศียรของพระราชโอรสพระราชธิดา ของพระมหากษัตริย์ คำว่า "เกี้ยว" ถ้าเป็นคำนามแปลว่า "เครื่องประดับศีรษะหรือเครื่องสวมจุก" ถ้าเป็นคำกริยา แปลว่า "ผูกรัดหรือพัน" พระเกี้ยวเป็นสัญลักษณ์ที่ชาวจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยภูมิใจ ทั้งนี้ สืบเนื่องจากชื่อของมหาวิทยาลัยได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ ในสมเด็จพระปิยมหาราช
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2565 เวลา 08.30 น. ณ อาคารเอนกประสงค์ 2 สำนักงานเทศบาลเมืองปู่เจ้าสมิงพราย ตำบลสำโรงใต้ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ นายมงคล ปรีสุขเกษม ที่ปรึกษาอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ 'ส่งเสริมสนับสนุนความรู้กฎหมายสิทธิการจ้างงานคนพิการ' และให้เกียรติเป็นวิทยากร บรรยายกระบวนการสร้างความรู้ ความเข้าใจกฎหมาย เพื่อนำไปใช้ในประโยชน์ต่อตนเองและสังคม เช่น พ.ร.บ. กองทุนยุติธรรม พ.ศ.2558 / พ.ร.บ. การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ 2562 / พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 และแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2559 / พ.ร.บ.คุ้มครองในคดีอาญา 2546 / พ.ร.บ.คุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ.2546
และในช่วงเวลา 13.00 น. นายนนทจิตร เนตรพุกกณะ ยุติธรรมจังหวัดสมุทรปราการ ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฯ พร้อมทั้งกล่าวโอวาท และให้กำลังใจแก่ผู้เข้ารับการอบรมในครั้งนี้ นอกจากนี้ยังให้เกียรติบรรยายภารกิจหลัก และบทบาทหน้าที่ของกองทุนยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่า ด้วยความเสมอภาค และเท่าเทียมกัน โดยนางสาวภัสวรินทร์ กิตติโชคกุลพัทธ์ รักษาการนายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการแห่งประเทศไทย กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดอบรมโครงการฯในครั้งนี้แก่ประธานในพิธีฯ
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2565 เวลา 16.00 น. ที่วัดวัดศาลาปูนวรวิหาร อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยว่าที่ร้อยตรีสมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตภาวนา ถวายพระพรแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ให้ทรงหายจากพระอาการประชวร และทรงมีพระพลนามัยแข็งแรงโดยเร็ววัน
โดยมีหัวหน้าส่วนราชการพลเรือน, ศาล, ทหาร, ตำรวจ, นายกเหล่ากาชาดจังหวัด, รองผู้ว่าราชการจังหวัด, คณะผู้บริหาร, สมาชิกสภาเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา และเหล่าพสกนิกร และมีพระครูอนุกูลศาสนกิจ เจ้าคณะอำเภอพระนครศรีอยุธยา เจ้าอาวาสวัดศาลาปูนวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์นำพระสงฆ์ในเขตปกครอง จำนวน 45 รูป ร่วมเจริญพระพุทธมนต์ โดยนายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำทุกภาคส่วนร่วมลงนามถวายพระพร จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมปล่อยลงคูเมือง จำนวน 45 ตัว
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 20 ธ.ค.2565 พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการค้นหากำลังพล จำนวน 30 นาย สูญหายกรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ซึ่งมีสาเหตุจากคลื่นลมแรง ว่า วันนี้ตลอดวัน กองทัพเรือได้จัดเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช เรือหลวงอ่างทอง เรือหลวงกระบุรี เรือหลวงนเรศวร และเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเลแบบดอร์เนีย 2 เครื่อง เฮลิคอปเตอร์ค้นหาผู้ประสบภัย 2 เครื่อง UAV 1 เครื่อง ร่วมกับเครื่องบินกองทัพอากาศ จำนวน 1 เครื่อง และเฮลิคอปเตอร์จำนวน 1 เครื่อง ในการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย
โดยขยายพื้นที่ค้นหาเพิ่มเติมจากเมื่อวานนี้ โดยมุ่งเน้นพื้นที่ชายฝั่ง ซึ่งได้มีการคำนวณจากทิศทางของกระแสน้ำและกระแสลม รวมทั้งบริเวณที่ตรวจพบและช่วยเหลือกำลังพลเรือหลวงสุโขทัยล่าสุด นำมาพิจารณาพื้นที่ที่คาดว่ากำลังพลที่เหลือจะอยู่ตรงบริเวณดังกล่าว
'พุทธิพงษ์-นุสบา' ร่วมลงนามถวายพระพร 'เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ' ทรงหายจากพระอาการประชวร
(19 ธ.ค.65) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วยนางนุสบา ปุณณกันต์ ภริยา ร่วมลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ขอให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ววัน ณ ชั้น 1 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ถนนพระรามที่ 4 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
(19 ธ.ค.65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์รูปภาพหนังสือจากหน่วยราชการในพระองค์ 904 และข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีเนื้อหาดังนี้
"พิธีเข้ารับพระราชทานของที่ระลึกที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานแก่บุคลากรในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่ได้ถวายการรักษา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ในช่วงที่ประทับที่โรงพยาบาลปากช่องนานา นับเป็นสิริมงคลและเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขทุกคนขอน้อมตั้งจิตอธิษฐานให้พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ทรงหายจากพระอาการประชวร และกลับมามีพระพลานามัยแข็งแรงโดยเร็วที่สุด"
รัฐบาล ย้ำเตือน ปชช. ยังควรสวมหน้ากากอนามัย ป้องกันฝุ่น PM 2.5 แม้อากาศอยู่ในเกณฑ์ดี
วันที่ 19 ธ.ค.น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรมควบคุมมลพิษ รายงานถึงสถานการณ์คุณภาพอากาศในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ในระยะนี้อยู่ในเกณฑ์ดีถึงดีมาก ซึ่งรวมถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ได้ลดลงไม่เกินค่ามาตรฐาน เนื่องด้วยอัตราการระบายอากาศที่ดี ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงเข้าช่วย
โดยเตือนให้ประชาชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเฝ้าระวังสถานการณ์ PM 2.5 เนื่องจากขณะนี้กรมอุตุนิยมวิทยา ยังคงพยากรณ์สภาพอากาศที่ความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงปกคลุมประเทศไทย บางช่วงเวลาที่อากาศนิ่งไม่มีลมจะทำให้ปริมาณฝุ่นละอองสูงขึ้น โดยต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ฝุ่นละอองที่จะกลับมาเพิ่มอีกครั้งตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 23 ธ.ค. 65 เป็นต้นไป
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในช่วงสภาพอากาศยังคงเปลี่ยนแปลงนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เตือนประชาชนให้ดูแลแลสุขภาพจากทั้งสภาพอากาศหนาวและภาวะฝุ่น PM 2.5 โดยมีกลุ่มเสี่ยงที่ต้องดูแลเป็นพิเศษคือ เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ หอบหืด เป็นต้น
เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 19 ธ.ค.2565 ความคืบหน้าการช่วยเหลือกำลังพล เรือหลวงสุโขทัย หลังจากจมลงแล้ว โดยกองทัพเรือ จัดส่งเรือหลวงกระบุรี เรือหลวงภูมิพล เรือหลวงอ่างทอง รวมทั้งฮ.ซีฮอล์คอเข้าไปช่วยเหลือ เบื้องต้นสามารถช่วยกำลังพลที่ลอยคออยู่ในทะเลขึ้นเรือหลวงสุโขทัยมาได้ 43 คน และนำกำลังพลที่ช่วยขึ้นมาได้เดินทางเข้ามาขึ้นที่ท่าเรือน้ำลึก อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์
โดยมีการเตรียมพร้อม รถพยาบาล และรถของมูลนิธิ ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมกว่า 30 คัน พร้อมเจ้าหน้าที่ ฝ่ายปกครองอำเภอบางสะพาน ป้องกันบรรเทาสาธารณภัยเขต 4 ป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดประจวบฯ แพทย์ พยาบาล
โดยมี พล.ร.ท.พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาค 1 มาบัญชาการเหตุการณ์ รวมทั้งนาวาเอกเรืองฤทธิ์ แสงแก้ว รอง.ผอ.ศรชล จ.ประจวบฯ นายอำเภอบางสะพาน ตลอดจนหน่วยงานเกี่ยวข้อง ทันทีที่เรือหลวงสุโขทัยเข้าเที่ยบท่าเรือน้ำลึก บางสะพาน เจ้าหน้าที่ได้ทำการเคลื่อนย้าย กำลังพลทั้งหมดลงจากเรือหลวงกระบุรี ขึ้นรถพยาบาลไปที่โรงพยาบาลบางสะพาน และศูนย์พักพิงอุ่นไอรัก บางสะพานที่เตรียมไว้แล้ว
เบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บที่เป็นสีแดง 4 ราย ทั้งขาหัก และเสียเลือดมาก และบาดเจ็บเล็กน้อยสีเหลือง โดยในชุดแรกมีกำลังพลบาดเจ็บรวม 43 ราย นำส่งโรงพยาบาลต่าง ๆ ในพื้นที่เพื่อทำการตรวจรักษาต่อไป
กองทัพเรือ ชี้แจง กรณีเรือหลวงสุโขทัย มีอาการเอียง ล่าสุดจมทะเลแล้ว
กองทัพเรือ ชี้แจงกรณีเรือหลวงสุโขทัย ตัวเรือมีอาการเอียงจากคลื่นลมแรง สาเหตุจากเครื่องไฟฟ้าดับ พร้อมทั้งได้สั่งการให้หน่วยต่าง ๆ ของกองทัพเรือ และประสานหน่วยงานภายนอก เร่งให้การช่วยเหลือเป็นการด่วน
พลเรือเอก ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงกรณีเรือหลวงสุโขทัยมีอาการเอียง ตามที่ปรากฎข้อมูลข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์นั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะเรือหลวงสุโขทัยกำลังลาดตระเวนอยู่บริเวณแบริ่ง 090 ระยะ 20 ไมล์ จากท่าเรืออำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ประสบเหตุเรือมีอาการเอียงเนื่องจากขณะนั้นบริเวณดังกล่าวมีคลื่นลมแรง จนทำให้มีน้ำทะเลบางส่วนไหลเข้าระบบเครื่องไฟฟ้าผ่านท่อไอเสียข้างเรือ จนทำให้เครื่องไฟฟ้าดับ และส่งผลต่อเครื่องจักรใหญ่หยุดทำงานเป็นเหตุให้เรือไม่สามารถควบคุมเรือได้ และทำให้น้ำเข้าภายในตัวเรืออย่างรวดเร็วจนทำให้เรือเอียงในเวลาต่อมา
ทั้งนี้ เมื่อกองทัพเรือ ได้รับแจ้งเหตุดังกล่าว จึงได้สั่งการให้เรือรบและอากาศยานของ กองทัพเรือ ประกอบด้วย เรือหลวงอ่างทอง เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช เรือหลวงกระบุรี เฮลิคอปเตอร์ จำนวน 2 ลำ พร้อมชุดป้องกันความเสียหายและกู้ภัยเรือ เร่งให้ความช่วยเหลือเป็นการด่วน
นอกจากนี้ ได้ประสานหน่วยภายนอกเข้าร่วมให้การช่วยเหลือ ปัจจุบันเรือหลวงกระบุรีได้เดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุแล้ว อยู่ระหว่างเร่งให้การช่วยเหลือกำลังพลของเรือหลวงสุโขทัยเป็นอันดับแรก สำหรับเรือหลวงสุโขทัย ยังคงมีอาการเอียง แต่สามารถผนึกน้ำได้แล้ว ปริมาณน้ำภายในตัวเรือ มีปริมาณคงที่
ทั้งนี้ กองทัพเรือ จะดำเนินการช่วยเหลือกำลังพลและกู้ภัยเรือหลวงสุโขทัย โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของกำลังพลเป็นสำคัญ สำหรับรายละเอียดการปฏิบัติเพิ่มเติม จะแจ้งให้ทราบ ในโอกาสต่อไป