ขอแรงหนุน!! ‘อนุทิน’ ถก สหราชอาณาจักร ชวนลงทุนอีอีซี พร้อมช่วยหนุนไทยเป็นเจ้าภาพ Expo 2028 ที่ภูเก็ต
‘อนุทิน’ นำทีมคุย รัฐมนตรีช่วยการค้าสหราชอาณาจักร เล็งเพิ่มมูลค่านำเข้า-ส่งออก 2 ประเทศ ชวนลงทุนอีอีซี 3 ด้าน การแพทย์ ดิจิทัล เศรษฐกิจหมุนเวียน พร้อมขอเสียงสนับสนุนไทยเป็นเจ้าภาพ Expo 2028 Phuket Thailand
(20 ม.ค.66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 66 ที่กระทรวงการค้าระหว่างประเทศ Department for International Trade (DIT) กรุงลอนดอน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้พบกับนาย Nigel Huddleston รมช.การค้าระหว่างประเทศ (Minister for International Trade) แห่งสหราชอาณาจักร เพื่อหารือในประเด็นความร่วมมือด้านการค้า เศรษฐกิจและการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศ โดยมีคณะผู้แทนจากประเทศไทยเข้าร่วม อาทิ นายพลพีร์ สุวรรณฉวี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง นายธานี ทองภักดี เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงลอนดอน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะได้หารือในประเด็นการค้าที่ขณะนี้สหราชอาณาจักรถือเป็นคู่ค้าอันดับ 4 ในยุโรปสำหรับประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้มูลค่าทั้งการนำเข้าและส่งออกระหว่าง 2 ประเทศให้มากขึ้น ผ่านความร่วมมือที่ใกล้ชิดทั้งระดับรัฐบาลผ่าน คณะกรรมการร่วมเศรษฐกิจและการค้าไทย-สหราชอาณาจักร หรือ Thailand-UK Joint Economic and Trade Committee (JETCO) ตลอดจนความร่วมมือของเอกชนโดยสภาผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร หรือ Thai-UK Business Leadership Council (TUBLC)
ชวนชม!! นิทรรศการ 'แดนสนธยา 3' การคัมแบ็กสุดยิ่งใหญ่ในรอบ 4 ปี
หากใครชื่นชอบงานศิลปะ ห้ามพลาดอย่างยิ่งกับ นิทรรศการ ‘แดนสนธยา ๓’ โดยนิทรรศการนี้เป็นการกลับมาจัดแสดงผลงานอย่างยิ่งใหญ่ในรอบ 4 ปี ของ ‘ช่วง มูลพินิจ’ ศิลปินผู้ได้รับฉายาว่า ‘จิตรกรผู้มองเห็นมดยิ้มสวย’ จากศิลปินแห่งชาติ และนักเขียนผู้มีชื่อเสียงของไทย ‘รงค์ วงษ์สวรรค์
สำหรับประวัติของช่วง มูลพินิจ ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ประจำปี พ.ศ. 2556 เป็นศิลปินผู้มีชื่อเสียง เกิดเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2483 ที่จังหวัดสมุทรสงคราม จบอนุปริญญาจากคณะ จิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เมื่อปี พ.ศ. 2505
ผลงานที่สร้างชื่อให้กับช่วงมาจากการเขียนภาพปกและภาพประดับในหนังสือและนิตยสารชั้นนำของไทยในยุคสมัยนั้น อาทิ ช่อฟ้า, ชาวกรุง, เฟื่องนคร และสยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ จนเริ่มเป็นที่รู้จักด้วยผลงานเขียนลายเส้นแบบฟรีแฮนด์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึงได้เขียนลายเส้นที่หน้าปกหนังสือ เสเพลบอยชาวไร่ ของ ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ และหน้าปกหนังสือ กามนิต วาสิฏฐีด้วย จากนั้นได้ลาออกจากกระทรวงอุตสาหกรรมหลังจากทำอยู่ 9 ปี เพื่อเริ่มงานใหม่ ที่บริษัทโฆษณาอีก 3 ปี และหลังจากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นศิลปินอิสระแบบเต็มตัว
งานของช่วงในระยะแรกเริ่มจากภาพลายเส้นที่ประยุกต์ความอ่อนช้อยของลายไทย เข้ากับรูปทรงแบบเหมือนจริงได้อย่างกลมกลืน ต่อมาจึงได้พัฒนามาใช้เทคนิคสีน้ำและสีน้ำมัน แต่ยังคงเอกลักษณ์เรื่องลายเส้นผสมผสานเข้ากับศิลปะสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ช่วงได้สร้างสรรค์ผลงานอย่างมากมายทั้งงานออกแบบ จิตรกรรม ประติมากรรมและสถาปัตยกรรม ส่วนใหญ่แสดงถึงเรื่องราวของดอกไม้ แมลง สัตว์ มนุษย์ ทั้งในแง่อีโรติก ไปจนถึงนัยการมองเห็นในวัฏสงสารของชีวิต เป็นการผนึกเรื่องราวทางอุดมคติกับธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกันอย่างงดงาม
‘อนุทิน’ เป็นผู้แทนประเทศไทยลงนามความร่วมมือกับสหราชอาณาจักรพัฒนาด้านจีโนมิกส์ พุ่งเป้าวิจัยกลุ่มโรควินิจฉัยยาก มะเร็ง โรคติดเชื้อ สนับสนุนการให้บริการและส่งเสริมเป้าหมายศูนย์กลางทางการแพทย์ของไทย
(20 ม.ค. 66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 19 ม.ค. 66 ตามเวลาท้องถิ่น กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เป็นผู้แทนประเทศไทยในการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ประเทศไทยและกระทรวงสาธารณสุขและการดูแลทางสังคม แห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือว่าด้วยความร่วมมือด้านจีโนมิกส์ ซึ่งในการนี้ Lord Nick Markham CBE รมช.สาธารณสุขและการดูแลทางสังคม ได้เป็นผู้แทนลงนามในฝ่ายของสหราชอาณาจักร
ทั้งนี้ การลงนามได้มีขึ้นที่กระทรวงสาธารณสุขและการดูแลสังคม สหราชอาณาจักร โดยมีผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้ง 2 ประเทศเข้าร่วม ฝ่ายไทยมีผู้เข้าร่วม อาทิ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายธานี ทองภักดี เอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และ นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส) ทางด้านสหราชอาณาจักรมีผู้เข้าร่วม อาทิ ผู้แทนจากกระทรวงสาธารณสุขและการดูแลทางสังคม, National health services (NHS), Genomics England, National health services (NHS), UK Health Security agency, และหน่วยงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
นายอนุทิน กล่าวว่า MOU ฉบับนี้เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญสำหรับความร่วมมือด้านจีโนมิกส์ทางการแพทย์ระหว่างไทยและสหราชอาณาจักร ซึ่งภายใต้ความร่วมมือจะมุ่งให้ความสำคัญกับการวิจัยโรคหายาก มะเร็ง เภสัชพันธุศาสตร์ โรคไม่ติดต่อ และโรคติดเชื้อ
ผู้ค้าหวยรายย่อยลงทุนนอนเฝ้าตู้ ATM ข้ามคืน หวังจองซื้อสลากฯ ได้เป็นคนแรก
(อ่างทอง) ผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลนอนเฝ้าตู้เอทีเอ็ม เพื่อจองเป็นคนแรกในการกดซื้อสลากคนแรกอัตราการได้ฉลากสูง บางรายจ้างญาติพี่น้องมาตั้งเตนท์นอนรอตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. 2566 เตรียมกดฉลากวันที่ 21 ม.ค. 2566
วันที่ 20 ม.ค 66 ที่บริเวณตู้เอทีเอ็ม หน้าตลาดเกษตรสุวพันธุ์ ริมถนนสายอ่างทอง-สิงห์บุรี ตำบลตลาดหลวง อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง พบมีการตั้งเต้นท์นอนพักค้างแรมอยู่บริเวณด้านข้าง ตู้เอทีเอ็มและมีกระดาษแข็งผูกติดไว้บนหลังคาเต้นท์ เป็นการจองคิวเพื่อกดฉลากกินแบ่งรัฐบาล ในวันที่ 21 ม.ค. 66 เขียนว่า ซื้อ 1.) กบ 2.) บี และ จอง 1.) บี 2.) เปิ้ล 3.) กบ 4.) นนท์ 5.) ปลา
มอบเงินช่วยเหลือผู้เสียชีวิต เหตุเรือบรรทุกน้ำมันระเบิด รายละกว่า 8 แสน
“สุชาติ” รมว.แรงงาน ส่งที่ปรึกษาฯ “ธิวัลรัตน์ อังกินันทน์” มอบเงินกรณีเสียชีวิต เหตุเรือบรรทุกน้ำมันระเบิด สมุทรสงคราม 7 ราย เฉลี่ยรายละกว่า 8 แสนบาท ส่วนอีก 1 ราย อยู่ระหว่างตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคล
วันที่ 19 ม.ค. 2566 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) ในการนี้ นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ได้มอบหมายให้ นางนงลักษณ์ กอวรกุล ผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม ลงพื้นที่ในจังหวัดสมุทรสงคราม มอบสิทธิประโยชน์เงินทดแทนกรณีลูกจ้างเสียชีวิต ให้กับทายาทต่างด้าว จากเหตุเรือบรรทุกน้ำมันสมูธซี 22 ระเบิด ภายในบริเวณอู่เรือ บริษัท รวมมิตรค็อดยาร์ด จำกัด ตำบลแหลมใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย เสียชีวิตขณะนี้ 8 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา
นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ท่านนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แสดงความห่วงใยและเสียใจต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้ และกำชับให้กระทรวงแรงงานเร่งให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และญาติของลูกจ้างที่เสียชีวิตโดยด่วน ในวันนี้ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้ดิฉันเดินทางมามอบสิทธิประโยชน์เงินทดแทนกรณีลูกจ้างที่เสียชีวิตเนื่องจากการทำงาน จากเหตุระเบิดดังกล่าว เป็นลูกจ้างสัญชาติเมียนมา ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนอยู่ในระบบประกันสังคมแล้ว โดยมอบให้กับทายาทผู้เสียชีวิต ณ วัดปากสมุทร จังหวัดสมุทรสงคราม จำนวน 7 ราย ตามรายชื่อดังนี้
ชาวสวนลิ้นจี่สมุทรสงคราม วอนทุกหน่วยงานช่วยกระตุ้นการขาย หลังคาดว่าผลผลิตจะไม่น้อยกว่า 6 พันตัน
ชาวสวนลิ้นจี่ในจังหวัดสมุทรสงคราม วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เตรียมความพร้อมจัดงาน หลังพบว่า ขณะนี้ลิ้นจี่ออกดอกเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ทุกสวน คาดให้ผลผลิตไม่น้อยกว่า 6 พันตันในช่วงเดือนเมษายน
นายชัยยันต์ เจียมศิริ ประธานกลุ่มปรับปรุงคุณภาพไม้ผลจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมชาวสวนลิ้นจี่ในตำบลต่าง ๆ ได้ออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจผลผลิตลิ้นจี่ ที่ขณะนี้กำลังออกดอกสะพรั่งทุกสวนในจังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูกกว่า 5 พันไร่ เพื่อจะได้เตรียมความพร้อมสนับสนุนการจำหน่ายให้ชาวสวน เพราะประเมินจากการออกดอกของลิ้นจี่ช่วงนี้แล้วหากไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ คาดว่าจะให้ผลผลิตไม่น้อยกว่า 6 พันตัน และหากไม่มีการจัดงานสนับสนุนการจำหน่ายชาวสวนคงเดือดร้อนแน่ ทั้งเรื่องต้องหาตลาดขายเอง และราคาคงตกต่ำเพราะผลผลิตที่มีมากดังกล่าว
นายชัยยันต์ กล่าวว่า ปัจจุบันลิ้นจี่ของจังหวัดสมุทรสงคราม มีพื้นที่เพาะปลูกน้อยลงมากเหลือเพียงประมาณ 5,300 ไร่ ที่ตน และชาวสวนลิ้นจี่ต้องออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐเตรียมความพร้อมในการจัดงาน เนื่องจากกว่า 10 ปีมาแล้วที่จังหวัดสมุทรสงคราม จัดงานส้มโอขาวใหญ่ซึ่งเป็นผลไม้รสดีอีกชนิดหนึ่งปีละ 2 ครั้ง คือช่วงตรุษจีน และสารทจีน เนื่องจากเป็นช่วงที่ส้มโอให้ผลผลิตจำนวนมาก ผู้บริโภคนิยมซื้อไปรับประทาน และเป็นของฝาก
'อนุทิน' เนื้อหอม!! สื่อจีนขอสัมภาษณ์นโยบายเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวของไทย ระหว่างถก World Economic Forum เมืองดาวอส - คลอสเตอร์ สมาพันธรัฐสวิส
(19 ม.ค.66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ร่วมเวทีการประชุมหัวข้อ 'The Pulling Power of ASEAN' ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum (WEF) ที่เมืองดาวอส-คลอสเตอร์ สมาพันธรัฐสวิส สื่อที่มีชื่อเสียงจากประเทศจีน จากสถานีโทรทัศน์ CGTN ได้ขอสัมภาษณ์พิเศษรองนายกรัฐมนตรีของไทย ถึงนโยบายการท่องเที่ยว สาธารณสุข และการรักษาความสมดุลระหว่างการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกับการดูแลประชาชนและระบบสาธารณสุขจากโควิด-19
'อนุทิน' ขึ้นเวที World Economic Forum โชว์วิสัยทัศน์ ยกบทบาทอาเซียนพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ของประชาคมโลก เผย ศักยภาพไทยบริหารโควิด19 หนุนประเทศเปิดรับนักท่องเที่ยวทุกชาติแบบไม่เลือกปฏิบัติ
(18 ม.ค.66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 66 ที่เมืองดาวอส-คลอสเตอร์ สมาพันธรัฐสวิส นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้นำคณะเข้าร่วมการประชุมในหัวข้อที่หลากหลายภายในการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum (WEF) และได้รับเชิญให้ขึ้นเวทีเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์ความสำเร็จทางนโยบายของประเทศไทย
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า โดยนายอนุทิน ได้รับเชิญให้ร่วมเวทีแสดงมุมมองรัฐบาลไทยในการประชุมหัวข้อ 'The Pulling Power of ASEAN' โดยมีผู้ร่วมเวทีจากทั้งภาครัฐและเอกชนภายในและนอกอาเซียน ได้แก่ นาง Merit Janow ประธานกรรมการอิสระ มาสเตอร์การ์ด, นาย Luhut B. Pandjaitan รัฐมนตรีว่าการกระทรวงประสานงานกิจการทางทะเลและการลงทุน อินโดนีเซีย และ นาง Teresita Sy-Coson รองประธานกรรมการ SM Investment Corporation, ฟิลิปปินส์
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายอนุทินได้กล่าวท่ามกลางความสนใจของที่ประชุมต่อภูมิภาคอาเซียนว่า ทุกประเทศในภูมิภาคนี้มีจุดแข็งของตัวเองและมีจุดร่วมสำคัญความสามารถในการปรับตัว อาเซียนเคยเป็นและจะยังคงเป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ของมหาอำนาจ ทั้งไทยและประเทศอื่นๆ ในอาเซียนมีที่ตั้งอยู่ในเส้นทางยุทธศาสตร์ของจีน และนโยบายอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ แม้จะมีความตึงเครียดในภูมิภาคแต่ความสามารถในการปรับตัว และนโยบายที่ไม่แทรกแซงระหว่างกัน จะส่งผลดีต่อเสถียรภาพและประโยชน์ทางเศรษฐกิจของอาเซียน
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรียังได้ชี้ให้ที่ประชุมเห็นถึงความร่วมมือที่แนบแน่นของอาเซียนในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด19 จนเป็นภูมิภาคที่ฟื้นตัวจากโควิด19 ได้เร็ว และได้มีการจัดตั้งศูนย์อาเซียนด้านสาธารณสุขฉุกเฉินและโรคอุบัติใหม่ (ACHPEED) ขึ้นที่ประเทศไทย ด้วยตระหนักว่าหากในภูมิภาครับมือกับภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพได้ดีเท่าไร เศรษฐกิจก็จะมีเสถียรภาพมากขึ้นเท่านั้น เพราะไทยและอีกหลายประเทศในอาเซียนคือ ฐานการผลิตอุตสาหกรรมที่สำคัญของโลก และขณะนี้อาเซียนกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้ BCG Model ตามที่ได้กล่าวไว้ที่ประชุม APEC ที่ไทยเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนพ.ย. 65 ที่ผ่านมานั่นคือ ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งเสริมให้อาเซียนคงเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับประชาคมโลก
(18 ม.ค.66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 66 ระหว่างเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum (WEF) ที่เมืองดาวอส-คลอสเตอร์ สมาพันธรัฐสวิส นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ได้พบหารือกับ นายมานซุกร์ ลัคมาน มันดาวิยา (Mansukh Laxman Mandaviya) รมว.สวัสดิการสาธารณสุขและครอบครัว (Minister for Health and Family Welfare) และ รมว.เคมีภัณฑ์และปุ๋ย (Minister for Chemicals and Fertilizers) อินเดีย
นายอนุทิน และ นายมานซุกร์ ได้หารือถึงแนวทางที่ไทยและอินเดียจะกระชับความร่วมมือกันเพิ่มขึ้น ในประเด็นสาธารณสุข การวิจัย ยา และเวชภัณฑ์ จากปัจจุบันที่ 2 ประเทศมีความร่วมมือผ่านกรอบพหุภาคีและทวิภาคีต่างๆ ซึ่งเฉพาะความร่วมมือด้านสาธารณสุข ปัจจุบันไทยและอินเดียมีความร่วมมือผ่านบันทึกความร่วมมือ (MOU) 2 ฉบับ ได้แก่ MOU ระหว่างกรมการแพทย์และ Indian Council of Medical Research เพื่อร่วมกันการวิจัยทางสุขภาพและทางการแพทย์ และ MOU ระหว่างกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกกับสถาบันอายุรเวทแห่งชาติ เมืองชัยปุระ ในการร่วมมือทางวิชาการสาขาการแพทย์อายุรเวทและการแพทย์แผนไทย
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ระหว่างหารือนายอนุทินชื่นชมต่อประเด็นด้านสุขภาพ 3 ประเด็นที่รัฐบาลอินเดียกำลังให้ความสำคัญในขณะนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการขับเคลื่อนด้านสุขภาพที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญ และมีความยินดีหากทั้ง 2 ประเทศจะได้ร่วมมือกันทั้ง 3 ประเด็น ได้แก่...
สวทช. ยุค 6.0 ปักธงนำพลังวิจัย รับใช้สังคม พัฒนาประเทศมีคุณค่า
สวทช. ยุค 6.0 จ่อนำพลังวิจัย รับใช้สังคม ปรับกระบวนทัพสร้าง ขุมพลังหลักด้านการวิจัยและพัฒนาของประเทศให้มีคุณภาพชีวิต รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจชาติให้ก้าวหน้าได้อย่างมั่นคง รวมถึงการสร้างกลยุทธ์ NSTDA Core Business นำพลังวิจัย รับใช้สังคม
วันที่ 18 ม.ค. 2566 ที่ สวทช. อาคารโยธี ถนนพระรามที่ 6 จังหวัดกรุงเทพมหานคร ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) แถลงข่าวเปิดนโยบายทิศทางการบริหาร 'สวทช. ยุค 6.0' โดยตั้งเป้าขับเคลื่อน สวทช. เป็นดั่ง 'ขุมพลังหลักด้านการวิจัย' ในการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม พร้อมผนึกกำลังหน่วยงานพันธมิตรพัฒนา 'ระบบนิเวศวิจัยและนวัตกรรม' ให้เข้มแข็ง เพื่อขับเคลื่อนงานวิจัยสู่การใช้งานจริง ตอบโจทย์สำคัญของชาติ สร้างผลกระทบต่อประชาชนและสังคมหมู่มาก นำพาเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดและยั่งยืน
ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า สวทช. เป็นหน่วยงานการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศที่ก่อตั้งมากว่า 30 ปี ตั้งอยู่ในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย นิคมวิจัยที่มีความสำคัญและขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย มีบุคลากรที่เป็นนักวิจัยระดับปริญญาเอกมากกว่า 700 คน ถือว่ามากที่สุดในประเทศ และมีความเชี่ยวชาญครอบคลุม 5 สาขาวิจัยหลัก ที่เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของประเทศ ได้แก่
1.) วิทยาศาสตร์ชีวภาพและเทคโนโลยี
2.) เทคโนโลยีวัสดุศาสตร์และวิศวกรรม
3.) เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และสารสนเทศ
4.) นาโนศาสตร์และนาโนเทคโนโลยี
5.) เทคโนโลยีพลังงาน
“นอกจากในด้านกำลังคน สวทช. ยังมีเครื่องมือ และโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีระดับสูงทั้งในด้านการวิจัยและคุณภาพ รวมถึงเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) ที่พร้อมรองรับการขยายผลงานวิจัยไปสู่การใช้งานจริงในเชิงพาณิชย์และสาธารณประโยชน์ เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางนิเวศนวัตกรรมที่เอื้อต่อการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร และพร้อมเป็นฐานสู่การสร้างงานวิจัยขั้นแนวหน้า (Frontier Research) ที่มีคุณภาพเทียบเท่าระดับนานาชาติ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ” ผอ.สวทช.กล่าว
เทศบาลเมืองราชบุรี เตรียมต้อนรับบิ๊กตู่เปิดงานตรุษจีนไชน่าทาวน์
เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2566 นายศักดิ์ชัย พิศาลผล นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี ลงพื้นที่ดูแลความเรียบร้อยของการเตรียมจัดงานราชบุรีไชน่าทาวน์ 2023 บริเวณริมเขื่อนรัฐประชาพัฒนา ริมแม่น้ำแม่กลอง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ซึ่งทางจังหวัดราชบุรี ได้ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และเทศบาลเมืองราชบุรี ได้ร่วมกันจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19–23 มกราคม 2566
โดยปีนี้ได้รับเกียรติจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานช่วงเย็นวันที่ 19 มกราคม 2566 พร้อมร่วมผัดหมี่มงคลกะทะยักษ์ในการเปิดงานอย่างเป็นทางการ โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมพิธีเปิดงาน
ซึ่งนายศักดิ์ชัย พิศาลผล นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้เกียรติประชาชนชาว จ.ราชบุรี มาเป็นประธานเปิดงานตรุษจีนราชบุรีไชน่าทาวน์ 2023 ที่ทางเทศบาลเมืองราชบุรี ร่วมกับสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่ และจังหวัดราชบุรี ได้เตรียมความพร้อมรูปการจัดงานให้ยิ่งใหญ่ตลอดริมเขื่อนรัฐประชาพัฒนา มีการจัดการตั้งศาลเจ้าจำลอง อันเชิญเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือมาประดิษฐานที่ศาลเจ้าเป็นการชั่วคราว ให้นายกรัฐมนตรีมาสักการะขอพร และยังมีกิจกรรมผัดหมี่กระทะยักษ์บริเวณโอ่งมังกรพ่นน้ำ เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเมืองราชบุรีและกำลังโด่งดังไปทั่วประเทศ
ซึ่งนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีจะถ่ายรูปเป็นที่ระลึก โดยนายกรัฐมนตรีจะเดินเยี่ยมประชาชนที่ตลาดสนามหญ้า ซึ่งเป็นตลาดที่รวบรวมของอร่อยของจังหวัดราชบุรี ที่ได้มีการเปิดมาหลายสิบปีแล้ว และยังรวมถึงตลาดเก่าโคยกี๊ เป็นตลาดเก่าที่สร้างเศรษฐกิจให้กับคนในจังหวัดราชบุรีมานาน มีการค้าขายจากพ่อค้า แม่ค้ากว่า 300 ร้าน มีสินค้าประเภทโอท็อป สินค้าพื้นบ้าน ฝีมือของชาวบ้านนำมาวางจำหน่าย
คนกรุงต้องระวัง!! เช้านี้ ฝุ่น PM 2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เกินมาตรฐาน 5 พื้นที่
วันที่ 18 มกราคม 2566 ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครขอรายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ของสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรุงเทพมหานคร ณ เวลา 07.00 น. ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ของฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ตรวจวัดได้ 28-62 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) พบว่าเกินมาตรฐาน (มาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 5 พื้นที่ คือ
1.) เขตทวีวัฒนา ทางเข้าสนามหลวง 2 : มีค่าเท่ากับ 62 มคก./ลบ.ม.
2.) เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 : มีค่าเท่ากับ 61 มคก./ลบ.ม.
3.) สวนทวีวนารมย์ เขตทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา : มีค่าเท่ากับ 57 มคก./ลบ.ม.
4.) เขตบางขุนเทียน ภายในสำนักงานเขตบางขุนเทียน : มีค่าเท่ากับ 51 มคก./ลบ.ม.
5.) เขตประเวศ ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ : มีค่าเท่ากับ 51 มคก./ลบ.ม.
ดัชนีคุณภาพอากาศของสถานีตรวจวัดของกรุงเทพมหานคร ส่วนใหญ่อยู่ในระดับคุณภาพอากาศปานกลาง ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง(คาดการณ์แนวโน้มสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อฝุ่น PM 2.5 โดยสภาพทางอุตุนิยมวิทยา)
ตั้งแต่ช่วง 18 - 24 มกราคม 2566 คาดว่าอัตราการระบายอ่อน/ไม่ดี (น้อยกว่า 2,000-4,000 m2/s) (ยกเว้นวันที่ 24) และอากาศปิดใกล้บริเวณผิวพื้น ส่งผลให้การสะสมของฝุ่นละออง PM 2.5 ยังทรงตัว และวันนี้กรุงเทพมหานครและปริมณฑลอากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส
ทร. จัดงาน 'วันสดุดีวีรชนกองทัพเรือ' ประจำปี 2566
วันที่ 17 ม.ค. 2566 ที่ พลณ อนุสรณ์เรือหลวงธนบุรี โรงเรียนนายเรือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เป็นประธานในการจัดงาน เนื่องในวันสดุดีวีรชนกองทัพเรือ ประจำปี 2566 โดยพิธีประกอบด้วย การวางพวงมาลา อ่านคำสดุดีวีรชนกองทัพเรือ และการจัดพิธีสงฆ์ เพื่อระลึกถึงความกล้าหาญของวีรชนทหารเรือที่เสียสละชีวิต เพื่อปกป้องเอกราชและอธิปไตยของชาติ ความกล้าหาญของเหล่าวีรชนยังคงอยู่ในจิตใจของทหารเรือทุกนายตราบจนปัจจุบัน
ทั้งนี้ ได้มีผู้ร่วมรบในสมรภูมิสำคัญของกองทัพเรือ เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2543 เข้าร่วมในพิธี ได้แก่ นาวาเอกประทีป อนุมณี วีรชนจากสมรภูมิบ้านดุซงญอ จังหวัดนราธิวาส และนาวาโทบัญญัติ ฆารกุล วีรชนจากสมรภูมิดอนน้อย กลางลำแม่น้ำโขง ชายแดนไทย – ลาว บ้านโพนลา ตำบลโพนลา อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย
พิธีสดุดีวีรชนและบำเพ็ญกุศลแด่วีรชนของกองทัพเรือ เป็นพิธีสำคัญที่กองทัพเรือจัดขึ้นเป็นประจำ ในวันที่ 17 มกราคม ของทุกปี เพื่อให้ทหารเรือทุกคนได้แสดงความเคารพ และระลึกถึงวีรกรรมของบรรพบุรุษทหารเรือที่ได้ทำการรบอย่างเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ และยอมพลีชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติจากศัตรูที่รุกรานแผ่นดินไทย ประวัติศาสตร์ได้จารึกความกล้าหาญของทหารเรือไทยในยุทธนาวีที่เกาะช้าง ระหว่างไทยกับฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2484
โดยฝรั่งเศสได้ส่งกำลังทางเรือประกอบด้วยเรือลาดตระเวนลามอตต์ปิเกต์ เป็นเรือธง เรือสลุป 2 ลำ และเรือปืน 4 ลำ เรือสินค้าขนาดใหญ่ติดอาวุธ 1 ลำ เรือดำน้ำ 1 ลำ เข้ารุกล้ำน่านน้ำไทยบริเวณเกาะช้าง จังหวัดตราด เพื่อจะเข้าระดมยิงหัวเมืองชายทะเลทางภาคตะวันออกของประเทศ ทั้งนี้กำลังทางเรือของไทยที่รักษาการณ์อยู่ในบริเวณนั้นประกอบด้วย เรือหลวงธนบุรี เรือหลวงชลบุรี และเรือหลวงสงขลา ภายใต้การบังคับบัญชาของนาวาโทหลวงพร้อมวีระพันธุ์ ผู้บังคับการเรือหลวงธนบุรี
แม้ว่าจะเสียเปรียบด้านกำลังรบอย่างมาก แต่วีรชนทหารเรือไทยได้ต่อสู้อย่างสุดกำลังความสามารถ จนต้องสูญเสียเรือรบทั้ง 3 ลำไป พร้อมชีวิตนายทหารและลูกเรือ รวมทั้งสิ้น 36 นาย รวมถึง นาวาโทหลวงพร้อมวีรพันธุ์ แต่เป็นที่น่าภูมิใจว่าด้วยกำลังทางเรือของกองทัพเรือไทย สามารถทำให้ข้าศึกได้รับความเสียหายจนต้องล่าถอยไปในที่สุด
ด่วน!!! เรือบรรทุกน้ำมันระเบิด บึมสนั่นปากน้ำแม่กลอง พบเสียชีวิตแล้ว 1 ราย
เรือบรรทุกน้ำมันเตา โซลาร์ระเบิดสนั่นทั้งเมืองแม่กลอง แรงสั่นสะเทือนไปไกลถึงอำเภอบางคนที พบศพเป็นชายขาดครึ่งท่อน และอีกศพอยู่ใต้ท้องเรือ มีผู้สูญหายอีก 7 เสียงปะทุยังดังเป็นระยะ ยังมีน้ำมันเหลือค้างอยู่ในท้องเรือหลายหมื่นลิตร
วันที่ 17 ม.ค. 66 เวลา 09.20 น. จากเหตุเรือบรรทุกน้ำมันระเบิด พ.ต.ท.ธราเทพ จันทร์ดิษฐ์ สว.สอบสวน สภ.เมืองสมุทรสงคราม ได้รับแจ้งเกิดเหตุเรือบรรทุกน้ำมันเตา ชื่อ smooth sea 22 ขนาด 2.996 ตันกรอสมีน้ำมันเตาและน้ำมันดีเซล ค้างอยู่ในท้องเรือ ประมาณ 20,000 ลิตร จอดซ่อมเรืออยู่ริมฝั่งแม่น้ำแม่กลอง หน้าบริษัทรวมมิตรด็อคยาร์ด หมู่ 8 ตำบลแหลมใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม เกิดไฟลุกพนักงานในเรือกระโดดน้ำหนีตาย
โดยมีเสียงระเบิดดังสนั่น 2 ครั้งติดต่อกัน แรงสั่นสะเทือนไปไกลถึง อ.บางคนที ทำให้กระจกบ้านเรือนบริเวณนั้นแตกกระจาย แรงระเบิดส่งให้ปล่องเรือกระเด็นขึ้นฝั่งขาดเป็น 2 ท่อน พนักงานนั่งทำงานหน้าอู่ซ่อมเรือวิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น เสียงระเบิดยังดังเป็นระยะ ทำให้หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรม และเจ้าหน้าดับเพลิงเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม ต้องทยอยออกมาให้พ้นระยะ เบื้องต้น พบศพชายสภาพศพขาดครึ่งท่อน เหลือแต่ท่อนบน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า 4 คน
นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาเรือบรรทุกน้ำมันที่เข้ามาซ่อมได้เกิดระเบิดขึ้น เจ้าหน้าที่กำลังควบคุมเพลิงแต่ค่อนข้างยาก เนื่องจากยังมีน้ำมันตกค้างในเรือ จึงขอสนับสนุนรถดับเพลิงชนิดโฟมจากหลายหน่วยงาน เข้ามาช่วยควบคุม และประสานกรมธุรกิจพลังงาน ให้ส่งผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือต่าง ๆ มาช่วย
เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2566 นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เป็นประธานเปิดงานเทศกาลตรุษจีนปากน้ำโพ ประจำปี 2566 อย่างเป็นทางการ โดยมีนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม, นายชยันต์ ศิริมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์, ผู้บริหารวัฒนธรรมจังหวัด 16 จังหวัดในภาคเหนือ, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, สภาวัฒนธรรม ศิลปินพื้นบ้านภาคเหนือ, เครือข่ายวัฒนธรรม และนักท่องเที่ยว เข้าร่วม ณ หาดทรายต้นแม่น้ำเจ้าพระยา อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์กันอย่างคับคั่ง
สำหรับพิธีการเปิดงานตรุษจีนปากน้ำโพในปีนี้ เริ่มงานด้วยขบวนแห่ที่หลากหลาย ทั้งขบวนดนตรีพื้นเมือง ขบวนแห่ชาติพันธุ์ ขบวนการแสดงวัฒนธรรมไทย-จีน เช่น สิงโตทอง, สิงโตปักกิ่ง, เสือไหหนำ รวมถึงขบวนกลองยาว และขบวนแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ ปากน้ำโพ พร้อมกับทำพิธีเปิดงานด้วยการแสดงสุดอลังการ ชุด 'อารยธรรมแห่งสายน้ำ วัฒนธรรมไทย-จีน สานสายใยชาติพันธุ์' โดยสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ การแสดงสิงโตโหงวซก (ห้าชาติพันธุ์) การแสดง '107 ปี มังกรเบิกฟ้า บุปผาเบ่งบาน' การแสดงคณะมังกรทอง เจ้าพ่อ – เจ้าแม่ปากน้ำโพ และการแสดงสิงโตกว๋องสิว 'สิงโตเก้าขุนพล' ซึ่งจุดไฮไลท์สำคัญ อยู่ที่ช่วงการ จุดพลุฉลองเปิดงาน และการเชิดมังกรขึ้นสู่ยอดเสาเพื่อพ่นไฟ ท่ามกลางเสียงตบมือของผู้ชมดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ